Onlinenewstime.com : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ย้ำผู้ที่ชอบออกกำลังกาย ควรประเมินร่างกายตนเอง และคอยสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นระหว่างออกกำลังกายอยู่เสมอ พร้อมแนะการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ด้วยหลัก FITT สร้างสุขภาพดี
นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่มีชายอายุ 60 ปีเสียชีวิตภายในฟิตเนสแห่งหนึ่ง เนื่องจากยกน้ำหนัก 120 กิโลกรัม เกินกว่าที่ตัวเองจะรับไหว ซึ่งการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม เป็นความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตราย และอาจเสียชีวิตได้ในทุกกลุ่มวัย
ก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง ควรพิจารณาพื้นฐานของร่างกายตนเอง ว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ และเคยออกกำลังกายชนิดนั้น ๆ มาก่อนหรือไม่ หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจมีผลทางด้านหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างออกกำลังกายอยู่เสมอ เช่น อาการจุกแน่นหน้าอก หน้ามืด เป็นลม ใจสั่น หมดสติ เป็นต้น หากพบอาการดังกล่าว ให้หยุดออกกำลังกายทันที!
นายแพทย์อรรถพล กล่าวต่อไปว่า การออกกำลังกายที่เหมาะสม ต้องปฏิบัตืตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งนอกจากจะประเมินตนเองก่อนแล้ว หลัก FITT ก็เป็นอีกหนึ่งทางปฏิบัติ เพื่อสร้างสุขภาพดีประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลัก
1. F-Frequency ความถี่ในการออกกำลังกาย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือประมาณวันเว้นวัน
2. I-Intensity ความหนักในการออกกำลังกาย หนักระดับที่ร่างกายรับได้ โดยสังเกตจากอาการขณะออกกำลังกาย คือ สำหรับการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง เช่น การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ควรออกในระดับที่ เหนื่อยยังพอพูดได้เป็นประโยคสั้น ๆ หรือออกกำลังกายแบบแรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก บอดี้เวท ควรออกในระดับที่รู้สึกตึงกล้ามเนื้อ โดยไม่ควรกลั้นหายใจขณะออกแรง และควรเพิ่มระดับความท้าทาย อย่างค่อยเป็นค่อยไป
3. T-Time ระยะเวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง หรือ คาร์ดิโอ ในแต่ละครั้ง ควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป ได้จนถึง 30 นาที หรืออาจมากกว่านั้นได้ หากมีความชำนาญหรือคุ้นชินแล้ว
4. T-Type ชนิดของการออกกำลังกาย แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ แบบต่อเนื่อง หรือ คาร์ดิโอ เช่น การเดิน การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แบบแรงต้าน เช่น ยกน้ำหนัก บอดี้เวท และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นส่วนต่าง ๆ เพื่อความยืดหยุ่น ลดอาการตึงรั้ง บรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ในระดับหนึ่ง
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวสรุปว่า “ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มวัยทำงานและวัยสูงอายุ สามารถออกกำลังกายได้ตามหลัก FITT ทั้งแบบคาร์ดิโอ และแบบแรงต้านควบคู่กันไป สัปดาห์ละ 3-5 วัน ครั้งละประมาณ 10-30 นาทีหรือมากกว่านั้น หากมีความชำนาญ โดยมีช่วงอบอุ่นร่างกาย (warm up) เพื่อเตรียมก่อนออก และช่วงชะลอ (cool down) เพื่อเตรียมหยุด และควรเพิ่มระดับความท้าทาย อย่างค่อยเป็นค่อยไป
คอยสังเกตอาการผิดปกติอยู่เสมอ ทั้งนี้ การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระดับหนัก แต่ควรมีกิจกรรมทางกายหรือการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม เช่น ทำงานบ้าน การเดิน หรือการปั่นจักรยาน ให้ได้ถึงระดับที่เหนื่อยพอพูดเป็นประโยคสั้น ๆ ได้รวมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายได้เช่นกัน”
Cr. สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข