ก้าวต่อไปของแม่ทัพใหญ่ นางสาวกัญญา ติลกเรืองชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ ฟูดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แม้จะเป็นบริษัท SME รายหนึ่งของไทย ที่ประกอบกิจการผลิตอาหารประเภทขนมขบเคี้ยว น้ำผลไม้ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว “M-Joy” และ“J-mix”เจาะตลาดกลุ่มเด็กก็ตาม ทว่าด้วยจุดขายที่เน้น “สินค้าอร่อย คุณภาพดี ราคาย่อมเยา” ทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายให้มีการเติบโตทะลุหลักหลาย 100 ล้านบาท
ในปัจจุบันทั้ง 2 แบรนด์ คือ “M-Joy” และ “J-mix” ของบริษัทฯที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดน้ำผลไม้มีวุ้น สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้มีวุ้น มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 57% ของเซกเมนต์น้ำผลไม้มีวุ้นมูลค่าตลาดรวม 400 ล้านบาท ซี่งอยู่ในกลุ่มน้ำผลไม้ระดับ Super Economy (มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ต่ำกว่า 20%) มูลค่า 1.8 พันล้านบาท
สำหรับเคล็ดลับในการที่จะทำธุรกิจขนมขบเคี้ยวและน้ำผลไม้ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 25 ได้อย่างมั่นคงนั้นผู้บริหารของบริษัท เวิลด์ ฟูดส์ฯ เปิดเผยว่า
“ บริษัทฯเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 โดยดำเนินการใน 3 ธุรกิจหลัก คือ 1) กลุ่มน้ำผลไม้ 2) กลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตรา “โปเตโต้” และข้าวเกรียบผสมผัก ตรา “เมจิโกะ” และ 3) กลุ่มส่วนประกอบที่เป็นวัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์ เช่น ขวดพลาสติก และ วุ้นน้ำมะพร้าว ซึ่งจากการที่บริษัทฯ มีธุรกิจที่ครอบคลุมถึงส่วนประกอบและวัตถุดิบหลักนี้ ทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้ต่ำกว่าคู่แข่ง และสามารถผลิตสินค้าคุณภาพดีในราคาถูกสู่ผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ (R&D) เพื่อพัฒนาและปรับปรุงสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทีมีคุณภาพ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของบริษัทฯ”
สำหรับจุดขายที่ทำให้เราสามารถครองใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 20 ปี คือ “สินค้าอร่อย คุณภาพดี ราคาย่อมเยา” เพราะตลาดน้ำผลไม้ในกลุ่มตลาดล่าง มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะสงครามราคา แต่ถึงอย่างนั้นบริษัทฯ ก็ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้าเป็นอันดับ1
“เราไม่มีการลดต้นทุน โดยการลดคุณภาพสินค้าเด็ดขาด ตรงกันข้ามเราใช้วิธีเพิ่มคุณภาพสินค้าให้สูงขึ้น โดยหันไปลดต้นทุนส่วนอื่นๆ ลงแทน โดยทางบริษัทฯ ได้มีการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจส่วนประกอบที่เป็นวัตถุดิบหลัก เช่น ขวดพลาสติก และ วุ้นน้ำมะพร้าว เรามีโรงงานผลิตเอง ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและคุณภาพวัตถุดิบได้ สามารถผลิตสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในต้นทุนที่ถูกลงเพื่อแข่งขันในท้องตลาดได้”
นอกจากนี้เวิลด์ ฟูดส์ฯ ยังเป็นผู้ผลิตรายแรกที่เปลี่ยนขวดบรรจุขนาดเล็กที่เดิมใช้ฝาฟอยล์มาเป็นฝาเกลียว จึงทำให้สินค้าดูสะอาด และมีคุณภาพดี ในราคาที่ย่อมเยา จึงทำให้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก”
นางสาวกัญญา กล่าวกล่าวถึงกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์อีกว่า “เอ็ม-จอย” (M-Joy) จับกลุ่มตลาดวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ได้แก่ M-Joy น้ำผลไม้ 10% ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว ขนาด 380 ml. ซึ่งเป็นตัวบุกตลาด มี 4 รส ส้ม ลิ้นจี่ สตรอเบอร์รี่ องุ่น ราคา 15 บาท และ M-Joy น้ำผลไม้10% ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว ขนาด 200 ml. ราคา 5 บาท
ส่วนผลิตภัณฑ์ “เจ-มิกซ์” (J-mix) จับกลุ่มตลาดเด็ก ได้แก่ J-mix น้ำผลไม้ 10% ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว ขนาด 200 ml. ราคา 5 บาท, J-mix น้ำผลไม้ 25% ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว ขนาด 320 ml.ราคา 15 บาท เป็นต้น
ปรับสูตรใหม่ ลดน้ำตาล 66% ขยายฐานคนรุ่นใหม่รักสุขภาพ
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้ปรับสูตรและพัฒนาผลิตภัณฑ์ M-Joy และ J-mix เพื่อเน้นเข้าสู่ตลาดสุขภาพมากขึ้น และลดน้ำตาลลง จนทำให้ผลิตภัณฑ์ J-mix ได้รับสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” (ผลิตภัณฑ์ M-Joy อยู่ในระหว่างการยื่นขอ) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนเครือข่ายที่รณรงค์ในการลดหวาน มัน เค็ม และภาควิชาการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใจง่าย สำหรับผู้บริโภค ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร ที่มีปริมาณโซเดียม น้ำตาล และ/หรือไขมันต่ำลง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะโภชนาการเกินและโรคที่เกี่ยวข้องในคนไทย
ตั้งเป้ายอดขาย 300 ล้านขยายช่องทางขาย-ส่งเสริมการขายต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2561 บริษัทฯ มียอดขายโดยรวมประมาณ 150ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปีที่ผ่านมา ตรงตามเป้าหมายที่คาดไว้โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ประมาณ 300 ล้านบาท
ในส่วนของการวางกลยุทธ์การกระจายสินค้าในปัจจุบันนั้น ผลไม้ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว “เจ-มิกซ์ (J-mix)” ขายผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย ส่วน “เอ็ม-จอย (M-Joy)” เวิลด์ ฟูดส์ฯ เป็นผู้ทำตลาดเองทั้งหมด โดยเน้นกระจายสินค้าในตลาดต่างจังหวัด และจำหน่ายในซูเปอร์สโตร์ ซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำ เป็นต้น
ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศ ที่คิดเป็นสัดส่วน 5% ของรายได้รวม วันนี้ยังเป็นการรับจ้างผลิตสินค้า หรือโออีเอ็ม (OEM) ให้กับลูกค้าอยู่ในประเทศแถบเอเชีย ยุโรปและตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามสำหรับแผนรุกตลาดต่างประเทศในปีหน้า 2562 บริษัทจะเริ่มทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยใช้รูปแบบการขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มีความแข็งแกร่ง
ด้านกลยุทธ์การตลาดบริษัทฯ ได้กิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้ง Above the Line และ Below the Line เช่น การโฆษณาโทรทัศน์ท้ายรายการ Bumper Ads ใน YouTube Facebook ต่างๆ รวมถึงการจัดชิงโชคใต้ฝา ส่งรหัสใต้ฝาเพื่อชิงรางวัล รวมถึงการจัดอีเว้นตามสถาบันการศึกษา ห้างสรรพสินค้า และตามร้านค้าใหญ่ๆ ในต่างจังหวัด พร้อมทั้งมีการตั้งเป้ายอดขายให้กับลูกค้ารายใหญ่ โดยมีรายการเที่ยวต่างประเทศเป็นรางวัล