onlinenewstime.com : แม้ตลาดขนมขบเคี้ยว มีการแข่งขันสูง อีกทั้งยังต้องเผชิญกับ 2 อุปสรรคที่สำคัญ คือ อัตราการเกิด ที่ทำให้จำนวนประชากรเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของขนมขบเคี้ยว มีจำนวนน้อยลง รวมถึงข้อจำกัด ในการขาย ที่ไม่ให้ขนมขบเคี้ยว เข้าไปวางจำหน่ายในโรงเรียนมานานกว่า 10 ปี
ทว่าด้วยดีมานด์ของกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ทำให้ตลาดเซกเมนต์ Healthy Snack กลุ่มผักและผลไม้แปรรูป มูลค่าตลาดรวมกว่า 1 พันล้านบาท มีอัตราการเติบโตที่ดี จากโอกาสทางการตลาดนี้เอง ที่ทำให้เวิลด์ ฟูดส์ฯ ตัดสินใจส่งแบรนด์ “เมจิโกะ” เข้ามาเป็นผู้บุกเบิก ชิงตำแหน่งผู้นำตลาด ในช่วงจังหวะที่ Product Life Cycle ข้าวเกรียบผสมผัก อยู่ในช่วงเริ่มต้น
นางสาวกัญญา ติลกเรืองชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ ฟูดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงาน ในปีนี้ว่า เวิลด์ ฟูดส์ฯ มีแผนงานจะมุ่งเน้น ขยายตลาดและต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท ตั้งแต่ก่อตั้งปี พ.ศ. 2537 และเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก ที่ยังคงสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นตลาด ที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก
“แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตรา “โปเตโต้” เป็นขนมที่สร้างชื่อให้กับบริษัท จนทำให้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงาน รู้จักในนาม “โรงงานโปเตโต้” และเรียกมาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ข้าวโพดอบกรอบ ตรา “ปาริ ปาริ” ข้าวโพดอบกรอบสอดไส้ช็อกโกแลต ตรา “จัมโบ้ช็อกมิกซ์” และข้าวโพดอบกรอบสอดไส้นม ตรา “จัมโบ้มิลค์กี้” และ ล่าสุด ข้าวเกรียบผสมผัก ตรา “เมจิโกะ” (MAJIKO)
จุดขายที่ทำให้ขนมของเรา สามารถครองใจผู้บริโภคมายาวนาน คือ สินค้าอร่อย สะอาด คุณภาพดี และราคาย่อมเยา จะเห็นได้ว่า เราขายขนมแป้งมันฝรั่งทอดกรอบ บรรจุซองราคา 5 บาท มาจนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงราคา 5 บาท
เพราะเราใช้กลยุทธ์ บริหารจัดการต้นทุน โดยไม่ลดคุณภาพของสินค้า เราคิดเสมอว่าขนมเป็นสิ่งที่เด็กชอบกิน ฉะนั้นของที่เราผลิต ต้องมีความสะอาด ปลอดภัย ลูกหลานเราต้องทานได้”
การขยายฐานตลาด กลุ่มขนมขบเคี้ยวครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมยอดขาย ให้บริษัทฯเติบโตขึ้น เพราะเป็นสินค้าที่มีช่องทางการจัดจำหน่าย เดียวกันกับผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำผลไม้ ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว ภายใต้แบรนด์ “เจ-มิกซ์” และ “เอ็ม-จอย” ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นสินค้าที่ช่วยส่งเสริมกัน ช่วยกันดันยอดขาย
ในปีนี้ เวิลด์ ฟูดส์ฯ จึงมีแผนเพิ่มกำลังการผลิต และขยายฐานลูกค้า ในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มขนมขบเคี้ยวให้กว้างขึ้น เรารู้ว่าตลาดนี้ยังเติบโตได้อีกมาก แต่ที่ผ่านมา กำลังการผลิตไม่เพียงพอ
เราจึงได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรบรรจุขนมใหม่ 2 สายการผลิต ซึ่งเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นกว่า 33% จากก่อนหน้านี้ ทำให้กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 200,000 ซองต่อวัน
ทั้งนี้ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ข้าวเกรียบผสมผัก ภายใต้แบรนด์ “เมจิโกะ” (MAJIKO) จึงเป็นการประกาศรุกตลาดขนมขบเคี้ยว อย่างจริงจังอีกครั้งของ “เวิล์ด ฟูดส์ฯ” โดยเฉพาะตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ
ข้าวเกรียบผสมผัก “เมจิโกะ” (MAJIKO) จึงถูกออกแบบมา เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพ ด้วยการปรับสูตรลดโซเดียม และผสมผักจริงๆ ลงไปในเนื้อขนม จนได้รับตราสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” ชูจุดขาย“อร่อยฟิน ได้ประโยชน์”
ไม่ใช่แค่ทานอร่อยอย่างเดียว แต่ยังได้สุขภาพอีกด้วย เพื่อเป็นอาหารว่าง ทางเลือกใหม่ ของกลุ่มคนรักสุขภาพที่ชื่นชอบการกินขนมขบเคี้ยว กลุ่มวัยทำงาน คนรุ่นใหม่ โดยปีนี้ ยังมีแผนที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย
นางสาวกัญญา กล่าวว่า มั่นใจว่า “เมจิโกะ” จะกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ที่สร้างรายได้ และชื่อเสียงให้กับบริษัทฯ โดยเฉพาะในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว เพื่อสุขภาพ โดยปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์เมจิโกะ ไว้ที่ประมาณ 10 ล้านบาท จากสัดส่วนขนมขบเคี้ยว ทั้งกลุ่มของบริษัทฯ ที่ 50 ล้านบาท
ขณะที่ยอดขายของบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20-25% โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 520 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มน้ำผลไม้ 400 ล้านบาท กลุ่มขนมขบเคี้ยว 60 ล้านบาท และ กลุ่มวัตถุดิบ 60 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานของปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายโดยรวมประมาณ 400 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มน้ำผลไม้ 300 ล้านบาท กลุ่มขนมขบเคี้ยว 50 ล้านบาท กลุ่มส่วนประกอบที่เป็นวัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์ 50 ล้านบาท