Onlinenewstime.com : ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่พัฒนารวดเร็วอย่างก้าวกระโดด ทำให้โลกของการทำงานต้องเปลี่ยนไปจากในอดีต ในฝั่งขององค์กรต้องปรับกลยุทธ์รับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อนำองค์กรก้าวไปข้างหน้า
ฝั่งคนทำงานก็จำเป็นต้องรู้เท่าทันเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป โดยต้องมีทักษะความสามารถ และมุมมองแนวคิด ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของโลกการทำงานมากขึ้น
จ๊อบไทย (JobThai) ในฐานะผู้นำด้านการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ ของประเทศไทย จึงได้พาคนทำงานไปดูกลยุทธ์และแนวทางการบริหารบุคลากรขององค์กรชั้นนำในฝันของหลาย ๆ คน ว่ามีการส่งเสริม พัฒนาทักษะของบุคลากร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption) อย่างไร พร้อมทั้งสำรวจว่าองค์กรเหล่านี้มองหาอะไรจากคนทำงานรุ่นใหม่
“ไทยเบฟ” สร้างโอกาสให้พนักงานแบบไร้ขีดจำกัด แนะคนทำงานต้องรู้จักงานและรับผิดชอบ โชว์ความสามารถออกมาให้เห็น
ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มทรัพยากรบุคคล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารของไทยและอาเซียน มีพนักงานในเครือทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 60,000 คน กล่าวว่า ไทยเบฟมีแนวทางบริหารคนด้วยคำว่า “โอกาสไร้ขีดจำกัด” (Limitless Opportunity) ด้วยการสร้างโอกาสให้พนักงานทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเรียนรู้ โอกาสในการเติบโตในสายอาชีพของตัวเอง โอกาสในการเชื่อมเครือข่าย และโอกาสในการทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยไทยเบฟจะส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ผ่านการอบรมและปฏิบัติจริง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะที่สำคัญในอนาคต (Future Skills) คือให้พนักงานทุกคน มีความสามารถในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีในอนาคตได้ โดยไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption) และทำให้พนักงานทุกคนมีแรงจูงใจอยากจะพัฒนาทักษะ (Upskills) ตัวเองอยู่เสมอ
ขณะเดียวกัน พนักงานของไทยเบฟจะยึดวัฒนธรรมองค์กร 3C ได้แก่ 1) Collaboration หรือการผสานพลัง โดยนำจุดแข็งของตัวเองไปผสานกับคนอื่นเพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด 2) Creating Values หรือการสร้างสรรค์คุณค่า ซึ่งไม่ใช่แค่ด้านธุรกิจเท่านั้นแต่ยังส่งเสริมให้พนักงานสร้างสรรค์คุณค่าหลากหลายด้าน เช่น ศิลปวัฒนธรรม การพัฒนาชุมชน 3) Caring for Stakeholders หรือว่าการเอาใจใส่ต่อผู้เกี่ยวข้อง เพราะไทยเบฟให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงมีความละเอียดอ่อนต่อการใส่ใจผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นงานในบริษัท หรือคู่ค้า ต้องมีความพึงพอใจร่วมกันเพื่อสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี
ในเรื่องคุณสมบัติของคนทำงานนั้น ดร.เอกพล กล่าวว่า ไทยเบฟมองหาคนที่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ (Collaboration) และต้องการเข้ามาลงมือทำ ร่วมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ พร้อมแนะนำให้คนรุ่นใหม่ต้องรู้จักงานของตัวเอง รับผิดชอบงานตัวเองให้ได้เป็นอย่างดี วางตัวให้เป็นที่รักของคนอื่น จะทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น และต้องแสดงความสามารถที่มีให้เห็น สุดท้ายต้องรู้จักแบ่งปันความรู้ให้กับผู้อื่น ซึ่งสอดคล้องไปกับวัฒนธรรมองค์กรของไทยเบฟ
ธนาคารกสิกรไทย เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ต้องการคนดี ใฝ่เรียนรู้ และมี Can Do Attitude
คุณนฤมล อัศวทองกุล ผู้ร่วมบริหารฝ่ายบริหารงานทรัพยากรบุคคล ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์และสร้างคุณค่าที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า กล่าวว่า พนักงานของธนาคารเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ธนาคารจึงให้ความสำคัญในเรื่องของคนด้วยแนวคิด Possibility to Learn and Grow เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ที่นี่
โดยมีการพัฒนาคนอย่างเป็นระบบ (Training Roadmap) ผ่านการอบรมในห้องเรียน (Classroom Training) ด้วยการเรียนออนไลน์ โดยมีหลักสูตรหลากหลายให้พนักงานเลือกตามความสนใจ และยังมี KBank Digital Academy ที่ส่งเสริมความสามารถในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีเวทีให้พนักงานได้แสดงศักยภาพมากมาย
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังมี K-Culture ซึ่งเป็นแนวทางให้พนักงานยึดเป็นหลักในการทำงาน ประกอบด้วย 1) Customer at Heart ทำงานโดยนึกถึงลูกค้าเป็นสำคัญ 2) Collaboration การทำงานร่วมกับผู้อื่น 3) Agility ทำงานอย่างรวดเร็ว 4) Innovativeness สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
คุณนฤมล กล่าวเสริมอีกว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความท้าทายกับโจทย์ทางธุรกิจใหม่ ๆ ดังนั้นผู้ที่ต้องการเข้ามาร่วมงานกับธนาคารกสิกรไทยนอกจากจะต้องเป็นคนดี มีจริยธรรม เพราะธุรกิจธนาคารต้องโปร่งใส ต้องใฝ่เรียนรู้ ไม่ปิดโอกาสตัวเอง ที่สำคัญต้องมี Can Do Attitude ต้องคิดว่าสามารถทำได้ และเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้
“ทรู” เปิดกว้าง เน้นสร้างประสบการณ์จริง มองหาคนทำงานที่มี Mindset ดี มี Passion
คุณศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บุกเบิกและผู้นำด้านคอนเวอร์เจนซ์ที่พร้อมตอบสนองและเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล กล่าวว่า กลุ่มทรูเป็นองค์กรที่เปิดกว้าง มีการเรียนรู้ ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
กลุ่มทรูเน้นการพัฒนาคน โดยให้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง สร้างประสบการณ์จริง ผ่าน Strategic Program for Leadership Development หรือ SPLD
ซึ่งเป็นการนำพนักงานในหน่วยงานต่าง ๆ มาทำงานแบบ Cross Functional เพื่อเรียนรู้ แบ่งปัน ทักษะความสามารถหลากหลายด้าน นอกจากนี้ ยังมี True Digital Academy ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนทักษะต่าง ๆ ในด้านดิจิทัล และมีเครื่องมือในการทำงานที่ทันสมัยพร้อมสำหรับการทำงานในยุคปัจจุบัน
ในการทำงานร่วมกันของพนักงานกลุ่มทรูนั้นจะยึดวัฒนธรรมองค์กร 4 ข้อ ได้แก่ 1) Caring เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงส่วนร่วมมากกว่าส่วนตน 2) Credible มีความน่าเชื่อถือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 3) Creative มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดเวลา ซึ่งกลุ่มทรูได้มีการทำออฟฟิศใหม่ในธีม Createch Space เพื่อสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่ 4) Courageous กล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นจริง
“กลุ่มทรูเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและมีความเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงมองหาคนที่เปิดรับโอกาสในการทำงานที่หลากหลาย อยากจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มี Mindset ที่ดี และมี Passion ที่อยากจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ” คุณศรินทร์รา กล่าวทิ้งท้าย
“SCG” ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยหลัก 10-20-70 คนทำงานควรเรียนรู้ตลอดเวลา ไม่ยึดติด ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
คุณเฑวิณฑร์ สมงาม ผู้อำนวยการสำนักงานการบุคคลกลาง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ซึ่งดำเนินธุรกิจคู่สังคมไทยมากว่า 100 ปี ปัจจุบันประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง กล่าวว่า SCG ส่งเสริมให้พนักงานทำงานตามคำมั่นสัญญา Passion for Better ไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการที่ดีกว่า
และ SCG เชื่อมั่นว่าการพัฒนาคนให้เข้มแข็ง ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถ ดูแลคุณภาพชีวิต และสร้างความรักผูกพันกับองค์กร จะส่งเสริมให้คนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา SCG ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย SCG ได้ส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาทักษะผ่านการปฏิบัติงานจริง ด้วยหลัก 70-20-10 คือ เน้นการลงมือปฏิบัติจริง 70% การเรียนรู้ผ่านการโค้ช 20% และ การเรียนรู้ในรูปแบบห้องเรียน 10%
นอกจากนี้ SCG ยังได้ทำเรื่องดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) โดยทำโครงการ Hatch Walk Fly ซึ่งเป็นการนำแนวคิดและวิธีการทำงานของสตาร์ทอัพมาปรับใช้ พัฒนาสตาร์ทอัพภายในองค์กร (Internal Startup)
สำหรับอุดมการณ์ในการทำงานของพนักงาน SCG มี 4 ข้อ ได้แก่ 1) ตั้งมั่นในความเป็นธรรม 2) มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ 3) เชื่อมั่นในคุณค่าของคน 4) ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม
คุณเฑวิณฑร์ กล่าวต่ออีกว่า SCG มองหาคนที่ชอบเรียนรู้ตลอดเวลาไม่ยึดติดและยอมรับการเปลี่ยนแปลง (Eager to Learn) ทำงานโดยใช้ข้อมูล (Data-driven) นึกถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer-Centric) มีความรู้ความสามารถด้านดิจิทัล (Digital Skills) การทำงานเป็นทีม (Collaboration) และทำงานแบบอไจล์ (Agile) พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตลอดเวลา
จากข้อมูลที่จ๊อบไทยได้ไปสำรวจมาจากองค์กรชั้นนำทั้ง 4 แห่ง จะเห็นว่าในภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของบุคลากร ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เพราะฉะนั้นคนทำงานทุกคนควรมีทักษะ ที่ตอบโจทย์รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และสอดคล้องกับโลกการทำงานในปัจจุบันมากขึ้น
จ๊อบไทยยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อคนทำงานอีกมากมาย โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์