Onlinenewstime.com : รพ.เมตตาฯ แนะ ควรตรวจตาอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้ง การตรวจตาอย่างสม่ำเสมออาจพบโรคเรื้อรังทางกายซ่อนอยู่ ระหว่างการตรวจอาจพบโรคร้ายซึ่งอาจมีผลทำให้ตาบอด หรืออันตรายชีวิตได้ เช่น เนื้องอกในดวงตา ต้อหินเฉียบพลัน หากมีอาการทางตา เช่น ปวดตา ปวดศีรษะบ่อยๆ ตามัว ตาแดง เห็นภาพซ้อน น้ำตาไหล ตาแฉะ ควรตรวจตาให้ละเอียดว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไรหรือไม่ บ่อยครั้งที่พบว่าผู้ป่วยเป็นต้อหิน ต้อกระจกซ่อนอยู่
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ดวงตาอาจจะไม่ใช่อวัยวะสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิต แต่ดวงตานั้นเป็นอวัยวะสัมผัสที่สำคัญ สามารถทำให้ดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน
แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยให้ความสนใจในดวงตา และไม่ได้นึกถึงว่าดวงตาทำงานอย่างไร ดวงตามีความผิดปกติอะไรได้บ้าง และดวงตามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างไร
หากให้นึกถึงการตรวจสุขภาพร่างกายโดยทั่วไป จะมีน้อยคนที่นึกถึงเรื่องดวงตาก็มีความสำคัญ ที่จะต้องได้รับการตรวจด้วยเช่นกันจนกว่าจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาเกิดขึ้นเสียก่อน
นายแพทย์อภิชัย สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มว่า คนทั่วไปรู้จักการตรวจสุขภาพกายโดยการตรวจความดันโลหิต ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด และตรวจร่างกายทั่วไป หลายคนคิดว่า ตาไม่เป็นไรตราบที่การมองเห็นยังเป็นปกติ คงไม่ต้องตรวจก็ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
เพราะโรคตาบางโรคมาเงียบๆ ช่วงแรกอาจไม่มีอาการเลย โดยเฉพาะโรคต้อหินชนิดเรื้อรัง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่อาจทำให้ตาบอดได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แนะนำว่าควรตรวจสุขภาพตา ซึ่งสามารถตรวจได้ทุกช่วงอายุไม่จำเป็นต้องตรวจตาตอนอายุมาก
แพทย์หญิงวธูกานต์ รุ่งภูวภัทร กล่าวเสริมว่า การตรวจสุขภาพโดยจักษุแพทย์มีความจำเป็น เนื่องจากหลายโรคทางตา หลายโรคอาจพบความผิดปกติได้จากการมาตรวจ เช่นภาวะต้อหินในระยะแรกอาจไม่มีอาการตามัว เนื่องจากเป็นโรคที่มีการสูญเสียลานสายตาโดยรอบก่อน โดยการมองเห็นตรงกลางยังเป็นปกติเว้นเป็นต้อหินระยะท้าย จึงมีการมองเห็นลดลงหรือลานสายตาแคบลง
หรือผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพที่ตาข้างใดข้างหนึ่งโดยที่ตาอีกข้างปกติดี และเพราะไม่เคยทดสอบการมองเห็นด้วยตนเองง่ายๆ ด้วยการปิดตาทีละข้าง เพื่อทดสอบการมองเห็นว่าความผิดปกติหรือไม่ เกิดขึ้นจากตาข้างใดจึงมาพบแพทย์ เมื่ออาการเป็นมากแล้ว หรือมีความผิดปกติในตาทั้งสองข้าง
ซึ่งในการพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจการมองเห็นนั้น จะมีขั้นตอนโดยการทดสอบการมองเห็นทีละข้าง ถ้าผิดปกติ ต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากโรคตาหรือเป็นจากสายตาผิดปกติ
แต่เนื่องจากในสภาวะปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่องจึงทำให้ผู้ป่วยบางส่วนไม่อยากเดินทางมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามยังมีภาวะทางจักษุบางอย่างที่เป็นอันตราย และอาจส่งผลต่อการมองเห็นได้ จึงควรมาพบจักษุแพทย์ เช่น อุบัติเหตุทางตาที่ก่อให้เกิดอาการระคายตาเคืองตา ตามัว เลือดออก สารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา กระแทกตา หรืออุบัติเหตุที่ใบหน้า เปลือกตาที่อาจส่งผลต่อดวงตาเป็นต้น
หรือมีอาการปวดตามาก ที่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นการติดเชื้อที่กระจกตา เยื่อบุตา เบ้าตา ถุงน้ำตา ม่านตาอักเสบ ต้อหินฉับพลัน หรือเห็นจุดลอยใหม่ หรือไฟแฟลชในตา อาจเป็นจากภาวะน้ำวุ้นลูกตาเสื่อมซึ่งมีการดึงรั้งจอประสาทตา อาจก่อให้เกิดจอประสาทตาฉีกขาดหลุดลอก หรือเลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา
หรือมีอาการตาแดงที่เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา เยื่อบุตาอักเสบ ม่านตาอักเสบ ต้อหินฉับพลัน แผลที่กระจกตาเป็นต้น หรือการมองเห็นลดลงฉับพลันต้อหินฉับพลัน จอประสาทตาฉีกขาดหลุดลอก เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตาหรือจุดรับภาพ เส้นเลือดที่จอประสาทตาอุดตัน เส้นประสาทตาอักเสบเป็นต้น
นอกเหนือจากนั้นหาก มีโรคทางตาที่ห้ามขาดยา มีความจำเป็นจะต้องใช้อย่างต่อเนื่อง และอยู่ในการดูแลของจักษุแพทย์ เช่น โรคต้อหินที่ต้องรับยาหยอดตาต่อเนื่อง หรือโรคจอประสาทตา ที่ต้องฉีดยาเข้าน้ำวุ้นลูกตาต่อเนื่อง ก็ควรไปตรวจติดตามการรักษา
อย่างไรก็ดี หากมีตาแดงที่สงสัยว่าเกิดจาก โควิด-19 (เช่น พบอาการตาแดง ร่วมกับอาการทางทางเดินหายใจ ไข้ ผื่น) ให้ไปรักษาโควิด-19 ก่อนได้ เนื่องจากอาการทางตาพบได้น้อยกว่าอาการทางระบบทางเดินหายใจ และไม่รุนแรง หายเองได้ และเนื่องจากที่ระบุนั้นเป็นตัวอย่างของอาการทางตาด่วน ที่พบได้บ่อย ทั้งนี้ให้ขึ้นกับวิจารณญาณของพยาบาลที่ทำการคัดกรองหรือแพทย์ที่รับปรึกษา ในกรณีที่มีข้อบ่งชี้อื่นร่วมด้วย