fbpx
News update

ชวนเช็คอิน “ชุมชนแม่เหาะ” แลนด์มาร์คสุดอันซีนแห่งใหม่ในแม่ฮ่องสอน

Onlinenewstime.com : การท่องเที่ยวชุมชน ถือเป็นหมุดหมายของนักเดินทาง และผู้ที่ชอบหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งในช่วง 3 -4 ปีที่ ผ่านมานี้ เรามักจะได้เห็นภาพ Unseen จากที่ท่องเที่ยว ที่แทบไม่เคยได้รับการโปรโมทผ่านทางโซเชียลมีเดีย และได้ทำให้หลาย ๆ พื้นที่เริ่มได้รับความนิยม จนกระทั่งกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ นักท่องเที่ยวต้องไปเยือนให้จงได้

แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีชุมชนอีกเป็นจำนวนมาก ที่รอต้อนรับการมาเยี่ยมเยือนของผู้คน รวมถึงรอการพัฒนาจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการยกระดับ ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การมาสัมผัส เฉกเช่น ชุมชนแม่เหาะ ในอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุมชนเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขา ที่ในอดีตหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า พื้นที่แห่งนี้มีของดีมากมายซ่อนอยู่ และมีศักยภาพเพียงพอ ที่จะผลักดันให้เป็นอีกหนึ่งชุมชนน่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของภาคเหนือ

วันนี้ชุมชนแม่เหาะ ได้ถูกยกระดับทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และในแง่มุมของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ผ่านการจับคู่นวัตกรรมที่ตรงกับความต้องการของชุมชน ภายใต้โครงการหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ที่ได้นำ 4 นวัตกรรมสำคัญ มาร่วมอัพเกรดกิจกรรมการท่องเที่ยว และช่วยเพิ่มคุณค่า และมูลค่าให้กับการบริการและผลิตภัณฑ์ของชุมชน อีกทั้งยังได้ช่วยกระตุ้นให้คนในพื้นที่ สามารถดึงศักยภาพของตนเองมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับนวัตกรรมแรกที่ NIA ได้ทำการจับคู่กับชุมชนคือ โครงการ Green route Good life” เที่ยวแม่เหาะ ลัดเลาะชมวิถีกะเหรี่ยง จากบริษัท Local Alike ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการ เส้นทางการท่องเที่ยว ผสมผสานกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ได้เชื่อมต่อหลายพื้นที่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น

โดย Green route Good life ได้ช่วยทั้งการประชาสัมพันธ์ การพัฒนาแพลตเฟอร์ม เพื่อเป็นตัวกลางในการประสานระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชน ผ่านช่องทางออนไลน์และแอปพลิเคชั่น นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจของชุมชนแห่งนี้

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการจัดทำโมเดลการท่องเที่ยวให้กับคนในชุมชน ซึ่งในอนาคตประชากรในหมู่บ้าน สามารถนำโมเดลเหล่านี้ไปเป็นแผนธุรกิจ สามารถบริหารจัดการกิจกรรมต่าง ๆ และออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวได้ด้วยตนเองต่อไป

สำหรับเส้นทางการท่องเที่ยวที่ Local Alike ได้จัดทำให้กับชุมชนแม่เหาะ ถือได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการลิ้มลองรสชาติอาหารฝีมือชาวบ้าน ที่นำเสนอผ่านเรื่องราว และความคิดสร้างสรรค์ ผสานกับการนำวัตถุดิบโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ข้าวดอย ฟักทอง กาแฟ รวมถึงพืชผักเมืองหนาว รังสรรค์ออกมาเป็นอาหารจานเด็ด ที่นักท่องเที่ยวไม่เคยได้ลิ้มรสที่ไหนมาก่อน

การพาชมวิวบนยอดดอยสิงห์ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร ที่ทำให้เห็นทั้งวิวทิวทัศน์ ทรัพยากรของชุมชน การเรียนรู้การต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน อาทิ การทำสบู่จากกาแฟ การคั่วกาแฟจากวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนกิจกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างการปลูกป่า เพื่อคงความอุดมสมบูรณ์ให้กับคนที่จะมาเที่ยวที่แห่งนี้ในอนาคต

ไม่เพียงแต่จะเชื่อมต่อกับคนในชุมชนเพียงอย่างเดียว โครงการ “Green route Good life” ยังได้บูรณาการการทำงานร่วมกับโครงการ “แม่เหาะ 360 องศา” แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชุมชนแม่เหาะเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยี VR ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Reality : VR) ที่มีเนื้อหานำเสนอ ในรูปแบบภาพและวิดีโอ 360 องศา

ประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญภายในชุมชน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภาพวิวทิวทัศน์ รวมถึงคำแนะนำด้านการเดินทางท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับ VR Glasses หรือแว่นรับชมระบบ 3 มิติ เพียงแค่นำโทรศัพท์มือถือมาเชื่อมต่อกับแว่นดังกล่าว ก็จะได้สัมผัสกับเนื้อหา ที่เป็นมุมมองที่ต่างออกไป โดยเฉพาะทัศนียภาพ เช่น การชมวิวจากที่สูง ในกรณีที่ฟ้าฝนหรือสภาพอากาศไม่เป็นใจ การสัมผัสกับทรัพยากรธรรมชาติอย่างดอกบัวตอง หรือพรรณไม้ต่าง ๆ ในกรณีที่เป็นการท่องเที่ยวนอกฤดูกาล

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้กับการท่องเที่ยวทางไก ลสำหรับคนที่ไม่สามารถเดินทางมายังสถานที่จริงได้ รวมถึงเป็นเครื่องมือในการช่วยตัดสินใจ สำหรับคนที่อยากรับชมกิจกรรมจริง แต่มีเวลาน้อยในการเสพข้อมูลผ่านตัวอักษร ก่อนเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้

อีกหนึ่งนวัตกรรม ที่เข้ามาช่วยยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความทันสมัย และตื่นตาตื่นใจมากขึ้นคือ โครงการ “Sanuk@แม่เหาะ” แอ่วเมืองสามหมอกด้วย Sanuk AR ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยี Augmented Reality : AR นำเสนอภาพเสมือนจริง มาช่วยให้นักท่องเที่ยว ได้รับทราบเรื่องราวที่สำคัญของชุมชนแม่เหาะ รวมถึงสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวแบบใกล้ชิด

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถสแกน QR CODE บนแผนที่ท่องเที่ยวของชุมชน หรือตามจุดต่าง ๆจากนั้น ระบบจะทำการประมวล และแนะนำสถานที่ที่ห้ามพลาดไปเยี่ยมชม หรือทำกิจกรรมในรูปแบบวิดีโอ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมเรื่องราวบนวิดีโอเหล่านั้นได้ ผ่านเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ครอบคลุมระบบปฏิบัติการทั้ง IOS และ Android

นอกจากนี้ โครงการ Sanuk@แม่เหาะยังได้จัดทำ QR COCE เพื่อประกอบบนผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวสแกน QR CODE ก็จะได้รับทราบเรื่องราว หรือที่มาที่ไปของสินค้าชุมชน แต่ละชิ้นได้เช่นเดียวกัน

และเมื่อพูดถึงสินค้าชุมชน ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ตกตะกอน และผลพลอยได้จากการท่องเที่ยว สำหรับชุมชนแม่เหาะนั้นสินค้าที่ต้องห้ามพลาดซื้อ และต้องแวะไปทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้านนั่นก็คือ “กาแฟแม่เหาะ” ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ปลูกกันเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ในอดีตปัญหาสำคัญของการปลูกกาแฟในชุมชนแม่เหาะ ก็คือผลผลิตที่ปลูกได้ ขึ้นอยู่กับนายหน้าว่าต้องการรับซื้อมากน้อยเพียงใด ไม่สามารถควบคุมคุณภาพ หรือยืดอายุสินค้าได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกชุก และแสงแดดไม่เพียงพอ

ดังนั้น NIA จึงได้สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมลดความชื้นและการอบแห้งผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยทั้งในการแปรรูป และการยืดอายุผลิตภัณฑ์ ลดปัญกาการพึ่งพาแสงแดดที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ในปัจจุบันกาแฟแม่เหาะ มีดีมากกว่าการขายในรูปแบบกาแฟตากแห้ง หรือผลกาแฟสด

รวมถึงช่วยให้มีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ออกมาจำหน่ายให้กับผู้มาเที่ยวในชุมชน เช่น กาแฟคั่ว ชาดอกกาแฟ ที่มีกลิ่นหอมและเอกลักษณ์ด้านรสชาติเฉพาะตัว ต่อเนื่องไปถึงการขายผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งตรงถึงบ้านผ่านไปรษณีย์ รวมถึงพัฒนาเป็นกิจกรรมการเวิร์คช็อป การคั่วกาแฟสด สร้างการเรียนรู้ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว

คุณาวุฒิ บุญญานพคุณ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมเพื่อสังคม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กว่าวว่าสำหรับ “ชุมชนแม่เหาะ” เป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีสิ่งที่มีศักยภาพต่อการนำนวัตกรรมเข้าไปช่วยยกระดับ ทั้งอัตลักษณ์ชาวปกาเกอะญอที่มีมากถึงร้อยละ 80 ของประชากรในพื้นที่จากจำนวนกว่า 8,000 คน มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ชุมช นที่สามารถนำมาแปรรูปได้อย่างหลากหลาย

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การนำนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีขั้นสูง เข้าไปยกระดับพื้นที่แห่งนี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยศักยภาพของผู้คนในชุมชน ที่พร้อมเรียนรู้ และมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง

NIA มีความเชื่อว่า จากเดิมที่พื้นที่แห่งนี้เป็นเพียงชุมชนเล็ก ๆ ในพื้นที่จังหวัดยากจน จะสามารถยกระดับตนเอง ให้เป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างรายได้ด้วยนวัตกรรมและกิจกรรมต่างๆ ที่ NIA และผู้ประกอบการเข้าไปส่งเสริม และมั่นใจว่า “ชุมชนแม่เหาะ” จะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชุมชน ที่ทุกคนต้องไปเยือนได้ในปีต่อ ๆ ไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017-5555 เว็บไซต์ และ facebook.com/NIAThailand