Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

ถือเป็นความโชคดี! ปลายปี 61 มีเหตุการณ์สะเก็ดดาวระเบิด ความรุนแรงมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง 10 เท่า

(NASA/GSFC/LaRC/JPL-Caltech, MISR Team)

onlinenewstime.com : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โพสต์ข้อความที่ระบุว่า ได้เกิดเหตุการณ์ “สะเก็ดดาวระเบิด” รุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี และขณะที่เกิดเหตุ มีปรากฏการณ์การเกิดระเบิดรุนแรงเหนือท้องฟ้าเมืองเชเลียบินสค์ (Chelyabinsk) ประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตามแม้จะมีความรุนแรงมากก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครเห็นการระเบิดครั้งนี้

“สะเก็ดดาวระเบิด” ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงที่ระดับความสูง 25.6 กม. เหนือพื้นดิน บริเวณทะเลแบริ่ง นับว่ารุนแรงเป็นอันดับที่สองในรอบ 30 ปี และรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่การระเบิดเหนือเมืองเชเลียบินสค์ ประเทศรัสเซียเมื่อ 6 ปีก่อน

แม้ไม่มีใครเห็นการระเบิดครั้งนี้ แต่สามารถตรวจพบได้ และรายงานไว้ในเว็บไซต์ศูนย์การศึกษาวัตถุใกล้โลก (Center of Near Earth Object Studies ; CNEOS)

เมื่อดาวเคราะห์น้อยเคลื่อนที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศโลก จะเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ เกิดความร้อนจนลุกไหม้ ถ้าขนาดไม่ใหญ่มากจะเผาไหม้จนหมดไป เรียกว่า ดาวตกหรือผีพุ่งใต้ แต่ถ้ามีขนาดใหญ่จะปรากฏเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ (Fireball) และถ้าลูกไฟนั้นสว่างกว่าดวงจันทร์เต็มดวงจะเรียกว่า โบไลด์ (Bolide)

สำหรับสาเหตุที่ทำให้สะเก็ดดาวเกิดครั้งนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page บอกว่า เกิดจากดาวเคราะห์น้อยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่กี่เมตร เคลื่อนที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงถึง 32 กิโลเมตรต่อวินาที ทำมุม 7 องศากับพื้นโลก ระเบิดที่ระดับความสูง 25.6 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ทำให้ปลดปล่อยพลังงานออกมาถึง 173 กิโลตัน

ความรุนแรงนั้นว่ากันว่า มากกว่าระเบิดนิวเคลียร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง 10 เท่า พลังงานของการระเบิดครั้งนี้ คิดเป็นร้อยละ 40 ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือเมืองเชเลียบินสค์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

ถือเป็นความโชคดีที่เกิดบริเวณทะเลแบริ่ง กลางมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ ไม่มีผู้คนอาศัย จึงไม่มีรายงานการพบเห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้และไม่ปรากฏเป็นข่าว

อย่างไรก็ตาม ดาวเทียมทหารของสหรัฐอเมริกาได้ตรวจพบแรงระเบิดดังกล่าวและส่งรายงานไปยังศูนย์การศึกษาวัตถุใกล้โลกของนาซา

ถือเป็นความโชคดีที่เกิดบริเวณทะเลแบริ่ง กลางมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ ไม่มีผู้คนอาศัย จึงไม่มีรายงานการพบเห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้และไม่ปรากฏเป็นข่าว อย่างไรก็ตาม ดาวเทียมทหารของสหรัฐอเมริกาได้ตรวจพบแรงระเบิดดังกล่าวและส่งรายงานไปยังศูนย์การศึกษาวัตถุใกล้โลกของนาซา


สิ่งที่น่าสนใจ คือ การระเบิดที่รุนแรงระดับนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ในรอบหนึ่งร้อยปีอาจเกิดขึ้นเพียง 1 – 2 ครั้งเท่านั้น แม้ปัจจุบันจะติดตามการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อยบางดวงได้แล้ว เช่น การค้นพบ 2018 LA เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 ตรวจพบได้เพียง 8 ชั่วโมง ก่อนจะพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกเท่านั้น

ในอวกาศยังมีดาวเคราะห์น้อยจำนวนมหาศาลที่ยังไม่ถูกค้นพบและมีโอกาสจะพุ่งชนโลก สามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงกับโลกได้ ปัจจุบัน มีการศึกษาและทุ่มเทงบประมาณในการค้นหาและเฝ้าติดตามวัตถุใกล้โลกต่าง ๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น นาซาตั้งเป้าสำรวจดาวเคราะห์น้อย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 140 เมตร ให้ได้ถึงร้อยละ 90 ของจำนวนวัตถุใกล้โลกที่มีอยู่ในอวกาศทั้งหมด ภายในปี พ.ศ. 2563 แต่เป้าหมายดังกล่าวยังห่างไกลอยู่มาก

นักวิทยาศาสตร์คาดว่าการเพิ่มจำนวนกล้องโทรทรรศน์และระบบเฝ้าติดตามให้มากขึ้น จะช่วยค้นหาวัตถุใกล้โลกทั้งหมดได้เร็วขึ้นและแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนที่วัตถุจะพุ่งชนโลก

อ้างอิง : https://www.bbc.com/news/science-environment-47607696
เรียบเรียงโดย : สิทธิพร เดือนตะคุ – เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ สดร.

Cr : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page

Exit mobile version