Onlinenewstime.com : ภายในงาน Mobile World Congress Shanghai 2021 หัวเว่ยได้เปิด “Digix Lab” แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้ความรู้และยกระดับประสิทธิภาพของนักพัฒนาและพาร์ทเนอร์ในด้านอีโคซิสเต็มของบริการ HMS (Huawei Mobile Service) โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่หัวเว่ยริเริ่มขึ้น เพื่อสร้างและพัฒนาอีโคซิสเต็มทางเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลในภูมิภาคดังกล่าวให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Digix Lab ดังกล่าวตั้งอยู่ในชางงี บิสสิเนส พาร์ค (Changi Business Park) ซึ่งหัวเว่ยเห็นความสำคัญของสิงคโปร์ ในฐานะศูนย์กลางทางเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และใช้ประโยชน์จากสถานะดังกล่าว เพื่อเร่งการเติบโตของอีโคซิสเต็มอุปกรณ์เคลื่อนที่ (mobile ecosystem) ทั่วทั้งภูมิภาค โดยออกแบบห้องแล็บนี้ไว้ ให้เหมาะสมกับการรองรับนักพัฒนาทุกระดับ
“ในยุคใหม่แห่งเทคโนโลยีอัจฉริยะ หัวเว่ยมุ่งมั่นสร้าง ‘1+8+N’ อีโคซิสเต็มของอุปกรณ์เคลื่อนที่ HMS ครอบคลุมการใช้งานในทุกสถานการณ์ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพให้นักพัฒนาได้สร้างสรรค์นวัตกรรมไปพร้อมกับการสร้างธุรกิจ
ทั้งนี้ Digix Lab จะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเสริมศักยภาพและช่วยเหลือนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ด้วยเครื่องมือพัฒนาแอปฯ ที่จำเป็น สำหรับการสร้างและพัฒนาอนาคตของพื้นที่ทางดิจิทัล” นายเจย์ เฉิน (Jay Chen) รองประธานหัวเว่ย เอเชียแปซิฟิก กล่าวในงาน MWC 2021 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2564
หัวเว่ยจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในโครงการต่างๆ มากมาย เพื่อพัฒนาอีโคซิสเต็มทางเทคโนโลยี เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนอกเหนือจาก Digix Lab แล้ว หัวเว่ยยังประกาศว่า จะนำแอปพลิเคชันซึ่งมีความต้องการสูงในตลาดท้องถิ่นขึ้นสู่ HUAWEI AppGallery เพื่อยกระดับอีโคซิสเต็ม ของอุปกรณ์เคลื่อนที่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
จากข้อมูลทางสถิติล่าสุดของ GlobalData เอเชียแปซิฟิกจะกลายเป็นผู้นำด้านการใช้เทคโนโลยี 5G โดยจะมีจำนวนผู้ใช้ 1.14 พันล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 65% ของการใช้งาน 5G ทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2564
หัวเว่ยมีแผนจะลงทุนมูลค่า 475 ล้านบาท (หรือประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) ให้กับศูนย์ 5G EIC ในกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างและพัฒนาอีโคซิสเต็ม 5G ซึ่งหัวเว่ยมุ่งมั่นว่าจะช่วยพัฒนาธุรกิจ SME รวมทั้งธุรกิจสตาร์ทอัพในท้องถิ่น ให้ได้มากกว่า 100 รายต่อปี เพื่อให้เกิดการนำโซลูชัน 5G ไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมแนวดิ่งภายใน 3 ปี
“ศูนย์ 5G EIC เป็นเสมือนพื้นที่ทดลองนวัตกรรมทางดิจิทัล ของการนำเทคโนโลยี 5G ไปประยุกต์ใช้และบริการต่างๆ ในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม นวัตกรรมเหล่านี้จะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับ SME สตาร์ทอัพ และองค์กรการศึกษา ปูทางสู่การบรรลุนโยบาย Thailand 4.0 และสร้างศูนย์กลางดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน
เป้าหมายนี้จะบรรลุได้ ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ด้วยความร่วมมือกัน เราจะสามารถเอาชนะอุปสรรค และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นได้” คุณวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทย กล่าว
ด้านอีโคซิสเต็มทางเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ หัวเว่ย เอเชียแปซิฟิกได้ริเริ่มโครงการ Spark Program ในประเทศสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2563 เพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในเชิงลึก ด้วยการใช้ 5G , AI/Machine Learning & Analytics, IoT, Mobile Edge Computing, และแอปพลิเคชัน Mobile & SaaS โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 500 ราย จาก 75 ประเทศ
ในด้านการสนับสนุนอีโคซิสเต็มของเทคโนโลยี AI หัวเว่ยก็มีโครงการ Ascend Partner Program, Institute of Higher Learning (IHL) AI Talent Cultivation และ Government AI Industry Development โดยหัวเว่ยและพาร์ทเนอร์ จะร่วมกันสนับสนุนประเทศต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมศักยภาพด้านการพัฒนา AI การส่งต่อองค์ความรู้ และเสริมทรัพยากรเชิงกลยุทธ์และการตลาดแบบ go-to-market ผ่านโครงการต่างๆ ข้างต้น
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังจะช่วยอบรมบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญด้านไอซีทีอย่างน้อย 200,000 ราย ภายใน 5 ปีข้างหน้า ผ่านโครงการต่างๆ เช่น ASEAN Academy, ICT Contest และ Online AI Academy
“ในยุคแห่งการทำงานร่วมกันของอีโคซิสเต็ม การร่วมมือกันสำคัญกว่าการแข่งขัน และด้วยเจตนารมณ์นี้ หัวเว่ยจะเดินหน้าเพิ่มการลงทุนให้กับการสร้างอีโคซิสเต็มที่มีความหลากหลายและพรั่งพร้อม เพื่อสร้างเอเชียแปซิฟิกที่อัจฉริยะ และเชื่อมต่อถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ” นายเจย์ เฉิน กล่าว