fbpx
News update

อลิอันซ์ รายงานสถานการณ์ประกันภัยทั่วโลก เอเชียจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมหลังโควิด

Onlinenewstime.com : อลิอันซ์ เปิดเผยรายงาน อลิอันซ์ โกลบอล อินชัวรันส์ 2020 ฉบับล่าสุด เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดประกันทั่วโลก โดยทำการศึกษาผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาและประเมินทิศทางของการเติบโตในอนาคต พร้อมชี้ธุรกิจประกันในประเทศไทยอนาคตสดใสเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตมากที่สุดในภูมิภาค

อุตสาหกรรมประกันโลกเข้าสู่ปี 2563 ด้วยอัตราการเติบโตที่ดี หลังจากปี 2562 ที่มียอดรวมเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น 4.4% นับว่าเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบสี่ปี โดยเป็นการเติบโต จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ซึ่งมีเบี้ยประกันรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2561 อยู่ที่ 4.4% เนื่องจากจีนผ่านช่วงเวลาที่หน่วยงานรัฐ มีการออกกฏที่ไม่เอื้อต่อธุรกิจไปแล้ว อีกทั้งตลาดสามารถปรับตัวให้เข้ากับอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ประกันภัยทรัพย์สินเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับอัตราเดิม (4.3%) ลดลงจาก 5.4% ในปี 2561 นับเป็นครั้งแรก ที่ประกันชีวิตโตมากกว่าประกันภัยทรัพย์สิน แม้จะมากกว่าเพียงเล็กน้อย

ส่วนรายได้จากเบี้ยประกันทั่วโลกอยู่ที่ 3.906 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 136.71 ล้านล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งเป็นประกันชีวิต 2.399 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 83.96 ล้านล้านบาท) และประกันภัยทรัพย์สิน 1.507 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 52.74 ล้านล้านบาท)

การแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก การชะงักงันของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก จะทำให้อุปสงค์ของการประกันลดลงเช่นกัน มีการคาดการณ์ว่า รายได้จากเบี้ยประกันทั่วโลกจะหดตัวลง 3.8% ในปี 2563 โดยประกันชีวิต จะได้รับผลกระทบมากกว่าประกันภัยทรัพย์สิน อัตราการเติบโตหดตัว -4.4% และ -2.9% โดยลำดับ

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าผลกระทบของโควิด19 รุนแรง ยิ่งกว่าวิกฤติการณ์ทางการเงินโลก รายได้จากเบี้ยประกันทั่วโลกลดลง 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด19 จะแพร่ระบาด และยอดรวมของเบี้ยประกันทั่วโลกจะลดลงประมาณ 3.6 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 1.26 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นประกันชีวิต 2.50 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 8.75 ล้านล้านบาท) และประกันภัยทรัพย์สิน 1.10 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 3.85 ล้านล้านบาท)

“ปี 2563 ธุรกิจประกันทั่วโลก ถูกไวรัสเล่นงานอย่างไม่ต้องสงสัยเลย” ลูโดวิค เซอร์บราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของอลิอันซ์ กล่าว “สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าคือ อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากโควิด19 เรามองเห็นสามกระแสหลัก ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วและจะกลับมาอีกในอนาคต นั่นคือ

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของโมเดลธุรกิจ การหันเหความสนใจมาที่เอเชีย และองค์ประกอบด้านการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG Factors ที่จะมีความสำคัญมากขึ้น

ในขณะที่ผู้เล่นในเอเชียเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ยุโรปยังคงนำด้าน ESG อย่างไรก็ตาม เอเชียจะครอบครองอุตสาหกรรมประกันโลก เนื่องจากครัวเรือนในเอเชีย จะเป็นผู้บริโภคกลุ่มหลัก ที่ช่วยขับเคลื่อนอุปสงค์ของการประกันทั่วโลก”

ในความเป็นจริงแล้ว เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีอัตราการเติบโต 6.8% ในปี 2562 ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตของปีที่แล้ว เกือบสองเท่า ทั้งกลุ่มประกันชีวิตและประกันภัยทรัพย์สิน ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของเบี้ยประกัน

โดยกลุ่มประกันชีวิตโต 6.5% และประกันภัยทรัพย์สิน 7.5% และเบี้ยประกันรวมสูงถึง 9.47 แสนล้านยูโรในเอเชีย (หรือประมาณ หรือประมาณ 331 ล้านล้านบาท) เกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตนี้ มาจากประเทศจีน

ปี 2563 จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับเอเชีย เนื่องจากรายได้จากเบี้ยประกัน คาดว่าจะลดลง 0.7% ประกันชีวิตลดลง 1.8% แต่ประกันภัยทรัพย์สินจะยังคงโตเล็กน้อยที่ 1.9%

สำหรับการคาดการณ์ในระยะยาว เอเชียจะกลับมาโตในอัตรา “ปกติ” และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.1% ต่อปีจนถึงปี 2573 เบี้ยประกันชีวิตและประกันภัยทรัพย์สิน คาดว่าจะโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับอัตราเดิม หรือเกือบสองเท่าของอัตราของตลาดโลก (4.4%)

“เอเชียเป็นภูมิภาคแรก ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 และจะเป็นภูมิภาคแรกที่ฟื้นตัว” มิคาเอล กริม นักเศรษฐศาสตร์อลิอันซ์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นผู้ร่วมเขียนรายงานฉบับนี้ กล่าว “ความตื่นตัวต่อความเสี่ยง ที่มากขึ้น และความต้องการความคุ้มครอง ที่พุ่งสูงขึ้นของผู้บริโภค จะเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต โดยมีประเทศจีนเป็นผู้นำ

ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้จากเบี้ยประกัน ในอัตราตัวเลขสองหลักในตลาดจีน จนถึงปี 2573 ยอดรวมเบี้ยประกันของจีนจะเพิ่มสูงถึง 7.77 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 27 ล้านล้านบาท) ซึ่งเท่ากับขนาดของตลาดอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีรวมกัน จีนและเอเชีย จะฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม จากวิกฤติการณ์ในปัจจุบัน”

ตลาดประกันในประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปี 2562 ซึ่งทำให้รายได้จากเบี้ยประกันลดลง แม้จะลดลงเพียง 0.2% จากการหดตัวของผลิตภัณฑ์กลุ่มประกันชีวิต (-2.0% เทียบกับ 4.1% ในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สิน)

นับเป็นครั้งแรกในระยะเวลานานกว่า 20 ปี ที่ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยหดตัว และในปี 2563 จะยิ่งเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้น เนื่องจากรายได้จากเบี้ยประกันจะลดลง 0.9% แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่ไม่ดีนัก ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยทรัพย์สิน

อย่างไรก็ตาม หลังจากวิกฤต ตลาดประกันในประเทศไทย จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในปี 2564 ด้วยอัตราการเติบโตประมาณ 8% ในช่วง 10 ปีนี้หรือจนถึงปี 2573 มีการคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดประกันในประเทศไทย เป็นหนึ่งในตลาดที่โตมากที่สุดตลาดหนึ่งในภูมิภาค โดยเบี้ยประกันต่อหัวอยู่ที่ 326 ยูโร (หรือประมาณ 11,410 บาท) ในปี 2562 (ตัวเลขเฉลี่ยของภูมิภาค 255 ยูโร หรือประมาณ 8,925 บาท) และมีอัตราการเข้าถึงประกัน (สัดส่วนของเบี้ยประกันต่อจีดีพี) อยู่ที่ 4.5%

อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2563 : 1 ยูโร = 35 บาท