Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้

Onlinenewstime.com : กรมชลประทาน เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง เตรียมกำลังคน เครื่องจักร พร้อมรับมือสถานการณ์น้ำหลาก หลังกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์จะเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ 27 พฤศจิกายน ถึง 6 ธันวาคม 2563 นี้

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ VDO Conference ไปยังผู้แทนจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมไปถึงสำนักงานชลประทานเครือข่าย SWOC ทั้ง 17 แห่งทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำจากพื้นที่ต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูล ในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ณ ห้องประชุม SWOC อาคาร99ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน

สถานการณ์น้ำปัจจุบัน (23 พ.ย. 63) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 48,855 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 24,763 ล้าน ลบ.ม.

เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 12,658 ล้าน ลบ.ม หรือร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 5,962 ล้าน ลบ.ม.

ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้ว 1,900 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 12 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำไปแล้ว 333 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 8 ของแผนฯ

เนื่องจากในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกของเกษตรกรที่ บางส่วนทำนาปีได้ล่าช้า โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งกรมชลประทาน จะให้ความช่วยเหลือ ด้วยการบริหารจัดการน้ำท่าให้เพียงพอ จนกว่าเกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จ

ตลอดจนประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำ และการขอความร่วมมือจากเกษตรกร ให้หันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนการทำนาปรัง เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรเสียหายที่ อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุน อยู่ในเกณฑ์น้อยไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการทำนาปรังได้

สำหรับในพื้นที่ภาคใต้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าจะเกิดฝนตกหนักในช่วงวันที่ 27 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2563 จึงได้สั่งการให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่ภาคใต้ เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำฝน และน้ำท่าอย่างใกล้ชิด

รวมทั้งบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม พร้อมกับปฏิบัติตามมาตรการ เตรียมความพร้อมในการรับมืออุทกภัย ด้วยการกำหนดพื้นที่เสี่ยง ตรวจสอบระบบชลประทาน ให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที

ตลอดจนบูรณาการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการวางแนวทางรับมือสถานการณ์น้ำหลาก รวมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ให้ติดตามและเฝ้าระวัง เตรียมรับสถานการณ์น้ำ จากฝนตกหนัก และน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นได้

Exit mobile version