Onlinenewstime.com : รมช.พณ.เปิดตัวโครงการ‘อยู่เป็น’ ชูโรดแมพส่งเสริมธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ รองรับสังคมสูงวัยแบบครบวงจร เน้นพัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสทางการตลาด ให้ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุ พร้อมแนะสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้สูงวัย
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์ มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุทั้งด้านการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจ และมีมาตรฐานตามหลักสากล การพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน และสร้างโอกาสทางการตลาด โดยผลักดันให้ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุเข้าสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต
สำหรับแนวทางการส่งเสริมนั้น ได้มอบหมายกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดทำโรดแมพเพื่อผลักดันภาคธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุมีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยได้จัดทำโครงการ “อยู่เป็น” ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และรองรับสังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบในปี 2573
กำหนดแนวทางการดำเนินงานออกเป็น 4 ด้าน ดังนี้
- การสร้างการรับรู้ (Awareness) ด้วยการเสริมโอกาสทางธุรกิจให้กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ทักษะการบริการจัดการ กฎระเบียบที่จำเป็น การสร้างมาตรฐานสากล
- การสร้างโอกาสทางธุรกิจ ผ่านการใช้ Knowledge Experience, การสร้าง Networking, การเป็น Good Governance Standardization
- การสร้าง Supply Chain โดยสร้างกลุ่มธุรกิจ ที่สนองความต้องการของผู้สูงอายุ เช่น การส่งเสริมให้ใช้อุปกรณ์มาตรฐานสากลสูง ในการดูแลผู้สูงอายุ
- การสร้าง Ecosystem อาทิ การผลักดันมาตรฐานธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ การส่งเสริมการลงทุน จาก BOI การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ บริการ ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
และเพื่อให้การดำเนินโครงการ สามารถสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการ ที่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุ จึงใช้โอกาสวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเปิดตัวโครงการฯ เนื่องจากต้องการให้ทุกคนเตรียมพร้อมก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุด้วยความรัก
และตัวโครงการ “อยู่เป็น” ก็เป็นความรัก ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งความรักระหว่างผู้สูงอายุด้วยกันเอง ความรักระหว่างบุตรหลานกับผู้สูงอายุ รวมถึงความรักและความปรารถนาดี ระหว่างผู้ประกอบการกับครอบครัวผู้สูงอายุที่จะต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างจริงใจ ดังนั้นวันแห่งความรักจึ งเป็นวันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเปิดตัวโครงการ
โดยในวันนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เชิญกูรูด้านไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุจาก SCG มาร่วมถ่ายทอดความรู้ เกี่ยวกับการนำนวัตกรรมในสาขาต่างๆ มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ทำให้สามารถอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมทั้งนำสินค้านวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ อาทิ Dulare : ระบบ information ของ nursing home, Prompt-U : บริการ Solution ในการปรับปรุงบ้าน/อาคารเพื่อผู้สูงอายุ, Habiimat : สินค้าพื้น Softfloor มาร่วมแสดงด้วย
รมช.พณ. กล่าวต่อว่า ไม่เฉพาะแต่ภาคเอกชนเท่านั้น ที่ต้องมีการปรับตัวรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ของไทย ภาครัฐก็มีความท้าทาย ในการวางแผนเพื่อรับมือด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหลักประกันด้านรายได้ การส่งเสริมและขยายโอกาสในการทำงานของผู้สูงอายุ การสร้างและพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว หรือการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่เหมาะสมและปลอดภัยในที่สาธารณะสำหรับผู้สูงอายุ
กล่าวโดยสรุป ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ มีความน่าสนใจและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในระยะยาว ผู้ที่สนใจจะเริ่มลงทุนทำธุรกิจ จึงควรศึกษามาตรฐานของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้ดี เพื่อที่จะได้ตัดสินใจเลือกทำธุรกิจ ที่ตนเองมีความสนใจ รวมถึงการมีไอเดียสร้างสรรค์ และหาหนทางนำธุรกิจตัวเองเข้าไปจับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ กำหนดจัดอบรมหลักสูตร “A-list Business 2020 : ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ”ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2, 3, 10, 16 และ 17 มีนาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 6 วัน (36 ชั่วโมง) ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อสร้างองค์ความรู้ในเชิงลึก ให้แก่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ให้สามารถปรับตัวและบริหารจัดการธุรกิจ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งบริหารจัดการความเสี่ยงในธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ว่า ในปี 2563 ประเทศไทย จะมีประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 12,361,000 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนพัฒนาธุรกิจบริการ กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 02547 5963, สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570 และ เว็บไซต์