onlinenewstime.com : แสนสิริประกาศความเป็นผู้นำด้าน “Digital Real Estate Developer” ทุ่มงบ 600 ล้านบาท ชูเทคโนโลยี เป็นฟันเฟืองสำคัญในการดำเนินธุรกิจประจำปี 2019 ผ่าน AI , IoT และ Blockchain ควบคู่กับการผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำด้านไอทีของไทยและระดับโลก Amazon Web Services, Digital Ventures และ Microsoft
การผนึกกำลังครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรม เพื่อสร้างคุณค่าให้วงจรธุรกิจ Sansiri Value Chain ตั้งแต่ การพัฒนาโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร ไปถึงการสร้างสรรค์บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านในทุกมิติ ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ภายในปี 2020 พร้อมนำร่องเตรียมเปิดตัว “บ้านตัวอย่าง Smart Home” เรียนรู้พฤติกรรมผู้อยู่อาศัย และ “Virtual Sales Gallery” จำลองสำนักงานขายของโครงการต่าง ๆ มารวมกันไว้ที่ Sales Centre ในไตรมาส 3 นี้
ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แสนสิริเซตมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ด้วยการนำนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ๆ มาใช้ในโครงการอย่างจริงจัง จนกลายมาเป็นนวัตกรรมมาตรฐาน ในการพัฒนาโครงการ ตอกย้ำความเป็น “Digital Real Estate Developer” ที่มุ่งยกระดับประสบการณ์ การใช้ชีวิตให้กับลูกบ้าน อย่างสมบูรณ์ครอบคลุม 3 ด้าน คือ iConvenience (ความสะดวกสบาย) iSafe (ความปลอดภัย) และ iGreen (ด้านประหยัดพลังงาน) ผ่านการทำความเข้าใจ และความต้องการของลูกค้า โดยยึดหลัก Human-Centric ด้วยเทคโนโลยี”
ในปี 2019 แสนสิริเตรียมยกระดับศักยภาพ ทางด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ผ่าน 3 กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี AI, IoT และ Blockchain พัฒนาโครงการและบริการให้มีคุณภาพ สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยแสวงหาพันธมิตรชั้นนำด้านเทคโนโลยี ได้แก่ Amazon Web Services, Digital Ventures และ Microsoft ร่วมพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร
“ปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ในปีนี้ แสนสิริเร่งเครื่องนำ AI , IoT และ Blockchain มาขับเคลื่อน 3 กลยุทธ์ มุ่งยกระดับการพัฒนาโครงการ (Product) การสร้างสรรค์การบริการ (Service) และการปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงาน (Process)”
ด้านการพัฒนาโครงการ (Product) มีการยกระดับเทคโนโลยี Home Automation สู่การเป็น Smart Home กับเทคโนโลยี AI และ IoT ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรม ของผู้อยู่อาศัย มอบความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ช่วยประหยัดพลังงาน และยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ ในการร่วมมือกับ Amazon Web Services เพื่อพัฒนานวัตกรรม PorpTech ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ร่วมกันในอนาคต โดยบ้านตัวอย่าง Smart Home ของแสนสิริ วางแผนที่จะเปิดตัวในไตรมาส 3 นี้
นอกจากนี้ ยังเสริมสร้างความปลอดภัยด้วย Smart Command Centre ศูนย์เฝ้าระวังอัจฉริยะ จากส่วนกลาง ยกมาตรฐาน การบริหารจัดการระบบวิศวกรรมอาคารและความปลอดภัยให้ลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกโครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 29 โครงการในปี 2019 พร้อมส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สานต่อ Green Mission ด้วยเทคโนโลยีตรวจสอบการใช้น้ำและพลังงาน และแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ หากมีการใช้งานที่ผิดปกติ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิต (Well-Being) ของลูกบ้านในทุกมิติ ด้วยการพัฒนา Dust-Free House “บ้านปลอดฝุ่น” สร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยทุกคน
ด้านการบริการ (Service) แสนสิริ เน้นย้ำการสร้างประสบการณ์ ที่แตกต่างให้กับลูกค้าบนโลกออนไลน์ นำเทคโนโลยี AI มาศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และสร้างคอนเทนต์ ที่ตอบโจทย์ความสนใจของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Personalization) และเตรียมเปิดตัว Virtual Sales Gallery จำลองสำนักงานขายของโครงการต่าง ๆ มารวมกันไว้ที่ Sale Centre ให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมหลาย ๆ โครงการได้ในที่เดียวในไตรมาส 3 นี้
สำหรับประสิทธิภาพการทำงาน (Process) ได้นำเทคโนโลยี PropTech มาใช้ในวงจรธุรกิจ Sansiri Value Chain อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะบริหารการก่อสร้างออนไลน์แบบครบวงจร เริ่มจากการนำระบบ AI มาจัดหา และประเมินศักยภาพของที่ดิน ก่อนซื้อมาพัฒนาโครงการ นำระบบ BIM และ Primavera มาใช้บริหารจัดการ และวางแผนการก่อสร้าง ตั้งแต่ การออกแบบแบบจำลอง 3 มิติ (3D Model) ก่อนก่อสร้าง ไปจนถึงติดตามความคืบหน้า พร้อมกำหนดระยะเวลา และงบประมาณได้แม่นยำขึ้น ทำให้กระบวนการก่อสร้างเป็นไปตามระยะเวลาและงบประมาณที่วางแผนไว้
พร้อมนำ Inspection Mobile Apps มาใช้ตรวจสอบโครงการ ให้กับลูกบ้านก่อนส่งมอบ และจับมือกับ Digital Ventures นำ Blockchain มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพ ระบบจัดซื้อจัดจ้าง B2P (Blockchain Solutions for Procure-to-Pay) กับกลุ่มคู่ค้าให้มีความโปร่งใส รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับเทคโนโลยีการทำงาน ผ่านความร่วมมือกับ Microsoft ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ให้มีความเป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ สนับสนุนประสิทธิภาพการทำงานของบุคคลากร ให้มีความคล่องตัวผ่านเทคโนโลยี เพื่อส่งต่อการบริการคุณภาพ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกบ้าน ได้รวดเร็วและตรงจุด โดยดร. ทวิชากล่าวสรุปว่า
“ด้วยกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เราเชื่อมั่นในศักยภาพความเป็น Thailand’s First Digital Real Estate Developer ของแสนสิริ ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการอสังหาฯ ไทย มุ่งเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกบ้านในทุกมิติ (Complete your Living Experience) ผ่านเทคโนโลยี Proptech ตลอดปี 2019 และต่อไปในอนาคต”