fbpx
News update

“กลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น”จับมือ”ม.เกษตร” เร่งยกระดับยางพารา-ปาล์มน้ำมัน

onlinenewstime.com : ความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจากกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์นฯ (บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท ไทยอีสเทิร์น อินดัสเตรียล แลนด์ จำกัด )  และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีเป้าหมายที่จะยกระดับยางพารา ปาล์มน้ำมัน ให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน และคาดว่าจะมีมูลค่าทะลุกว่า 2 หมื่นล้านบาท

อีกทั้งยังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัย พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้  จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการทำวิจัยทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน และพัฒนาห้องปฏิบัติการมาตรฐานและห้องปฏิบัติการนวัตกรรมทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน

สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือครั้งนี้ ในบทบาทหน้าที่ของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษานั้น ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า มี 5 ประการ ดังนี้

ประการที่หนึ่ง จัดทำหลักสูตรการสอนทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน

ประการที่สอง จัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม เพื่อเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน

ประการที่สาม  จัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม เพื่อเป็นประธานหลักสูตรทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน

ประการที่สี  ศึกษา วิจัย และพัฒนางานวิจัยทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงจัดหานักวิจัยที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมมาทำงานวิจัย

ประการที่ห้า  จัดหาเครื่องมือ สถานที่ และบุคลากรให้มีความพร้อมในการรับบริการทดสอบตัวอย่าง

ในบทบาทของผู้ประกอบการภาคเอกชน  นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น  กล่าวว่า การที่กลุ่มบริษัทร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ การทําวิจัยด้านยางพาราและปาล์มน้ำมันเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะมีการดำเนินการ 3 เรื่องหลักๆ คือ

  1.ให้การสนับสนุนในการจัดทำหลักสูตรการสอนทางด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน

  2.จัดเตรียมหัวข้อวิจัยและแนวทางการจัดการด้านทุนวิจัยสำหรับดำเนินการวิจัย

  3. ให้การสนับสนุนในการส่งตัวอย่างทดสอบของหัวข้อวิจัย

ทั้งนี้ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในผลงานวิจัย ผลงานประดิษฐ์คิดค้นที่เกิดขึ้นภายใต้บันทึกความร่วมมือข้อตกลงให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการภาคเอกชนและ มหาวิทยาลัยฝ่ายละร้อยละ 50 มีระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว

นายเฉลิม กล่าวอีกว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อภาคเกษตรกรรมโดยรวม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยางพาราและปาล์มน้ำมัน ได้แก่

1. ด้านองค์ความรู้ เช่น การคิดค้นหลักสูตรเพื่อสร้างบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมเกษตรด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อพัฒนาคุณภาพและเพิ่มผลผลิตต่อไป

2. ด้านงานวิจัย จะร่วมกันวิจัย คิดค้น สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือและขยายผลสู่ระดับสากลในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทฯ ” Your Global Partner for Sustainability” (พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่ยั่งยืน)

นับว่าเป็นกลุ่มบริษัทเป็นโรงงานยางแท่งที่ใหญ่สุดในภาคตะวันออก และเป็นกลุ่มที่ผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) ที่ใหญ่สุดในประเทศไทย โดยมีโรงงานยางในภาคตะวันออก 3 แห่ง โรงงานปาล์มน้ำมัน 2  แห่ง ในภาคอีสาน 3 แห่ง

กลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น เริ่มต้นจากครอบครัวเกษตรกร พัฒนาสู่อุตสาหกรรมเกษตรด้วยการก่อตั้งโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม เมื่อปี 2535 เพื่อรองรับผลผลิตที่จังหวัดชลบุรี และขยายสู่ธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตน้ำยางข้น ยางแท่ง ยางแท่งเกรดพิเศษ

ในส่วนสายปาล์มน้ำมัน กลุ่มบริษัทจัดส่งให้ผู้ผลิตทั้งที่เป็นกลุ่มผลิตน้ำมันปรุงอาหาร และกลุ่มผลิตน้ำมัน B100  ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับ Top 5 ของประเทศ ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในสินค้าของกลุ่มบริษัท เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดี ภายหลักใต้ธรรมาภิบาล ทำให้เกิดเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่ที่ยั่งยืน นั่นหมายความว่า จะเป็นพันธมิตรที่ก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนร่วมกันต่อไปในอนาคต

รวมถึงขยายพื้นที่เพาะปลูก ขยายสาขา ขยายกำลังการผลิต ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมี 5  ธุรกิจ ประกอบด้วย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พลังงาน ขนส่ง และธุรกิจสำหรับร่วมทุน

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท ยังดำเนินธุรกิจ logistic เพื่อสนับสนุนการขนส่ง สร้างความสะดวกให้เกษตรกรผู้ผลิต มีจุดรับซื้อวัตถุดิบทั้งภาคกลาง ตะวันออก อีสาน เหนือ ครบวงจร

สำหรับธุรกิจสายยางนั้น จะเน้นลูกค้ากลุ่มพรีเมียม เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของลูกค้าในระดับ Global Brand เช่น กลุ่มผลิตยางล้อรถยนต์ บริดจ์สโตน /มิชลิน / Pirelli / Apollo / Continental / Sumitomo รวมถึงกลุ่มถุงมือยาง


นายเฉลิม กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมียอดขายรวมทั้งยางพาราและสายปาล์มน้ำมันกว่า 8,000 ล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจยางพารา ซึ่งได้ขยายกำลังการผลิตยางแท่งจากเดิมเพิ่มขึ้นมาอีก 30 % และในปีนี้มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอีก 50% รวมไปถึงแผนในการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพในสายพลังงานอีกด้วย

การเติบโตของกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์นแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างมั่นคงและยั่งยืนนั้น เกิดจากการบริหารจัดการที่ครอบคลุม ทันสมัย และมีธรรมาภิบาล และสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือการสร้างเสริมบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะการจัดการที่ตรงตามสายงาน ตอบสนองต่ออุตสาหกรรมการเกษตรโดยตรง รวมถึงการเดินหน้างานวิจัยและพัฒนา เพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในครั้งนี้ ยังไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเลขได้ แต่สามารถประเมินค่าความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นได้ และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการลงทุนภายในเขตประกอบการเพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ประเทศไทยมีเศรษฐกิจรากฐานกว่า 70% เป็นอุตสาหกรรมเกษตร ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ส่งผลให้ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านกายภาพ คือ ดินที่เอื้อต่อการผลิตสินค้าทางการเกษตรที่มีคุณภาพดีได้

แต่เรายังตามหลังนานาชาติในเรื่องของเทคโนโลยี ความรู้ การวิจัย รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ อยู่ ทั้งที่ประเทศไทยมีดินดำ น้ำชุ่ม อากาศดี ขณะที่ต่างชาติมีเพียงเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ไม่สามารถนำดินดำน้ำชุ่มไปใช้ได้ ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาสู่ดินดำน้ำชุ่มของไทยได้ “