onlinenewstime.com. : บีโอไอเตรียมรับคณะนักลงทุนเกาหลี 30 ราย เยือนไทยตามคำเชิญชวน เพื่อศึกษาลู่ทางและศักยภาพเศรษฐกิจไทย พร้อมจับคู่ธุรกิจในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องจักร ลงนามเอ็มโอยูผลักดันการลงทุนร่วมกับเมืองชางวอน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีคณะผู้บริหารและนักธุรกิจเกาหลี จากเมืองชางวอน จำนวน 30 คน จาก 20 บริษัท นำโดยนายกเทศมนตรีเมืองชางวอน เดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคม 2562 ซึ่งผู้ร่วมคณะเป็นผู้บริหารระดับซีอีโอของบริษัทเอสเอ็มอีในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งผู้บริหารหน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมของเมืองชางวอน โดยนายนฤตม์ กล่าวว่า
“การเยือนประเทศไทยของนักลงทุนเกาหลีครั้งนี้ ได้แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกาหลีที่มีต่อประเทศไทย และเป็นผลจากการที่บีโอไอได้นำคณะเดินทางไปชักจูงการลงทุนใน 3 เมืองอุตสาหกรรมใหญ่ของเกาหลี คือ นครปูซาน ชางวอน และอุลซาน เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา และได้เชิญชวนฝ่ายเกาหลีให้จัดคณะมาเยือนประเทศไทย เพื่อให้มีโอกาสมองเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจและลู่ทางการลงทุนในประเทศไทยด้วยตนเอง โดยครั้งนี้นับเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกของเมืองชางวอน”
ซึ่งในการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ จะมีพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างนายกเทศมนตรีเมืองชางวอนกับเลขาธิการบีโอไอ เพื่อร่วมมือจัดกิจกรรมและสนับสนุน ให้เกิดการลงทุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดสัมมนาเพื่อแนะนำนโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทย กิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจกับนักธุรกิจไทยกว่า 10 ราย และการพบปะหารือกับผู้บริหารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันยานยนต์ สมาคมรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
เมืองชางวอน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลี เป็นแหล่งอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญ และมีศักยภาพในการขยายการลงทุนในต่างประเทศสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรกลที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งยังเป็นฐานการผลิตของบริษัทที่สำคัญ เช่น กลุ่มดูซาน ฮันฮวา เอสทีเอ็กซ์ และศูนย์วิจัยและพัฒนาของแอลจี เป็นต้น
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2557 – 2561 มีโครงการลงทุนจากเกาหลียื่นขอรับการส่งเสริม จำนวน 172 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 35,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็ก ผลิตภัณฑ์โลหะ และชิ้นส่วนเครื่องจักร