Onlinenewstime.com : ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบ ทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกต่อธุรกิจออนไลน์และผู้บริโภค และจะยังคงส่งผลต่อเนื่อง ท่ามกลางยุคนิวนอร์มัล ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน คาดการณ์ 3 เทรนด์ใหญ่ ในตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยปี 2021 ในเรื่องการชำระเงิน โลจิสติกส์ และการก้าวสู่ความเป็นดิจิทัล
นายเทอเรนซ์ แพง ประธานฝ่ายปฎิบัติการ ช้อปปี้ กล่าวว่า “2020 เป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกอีคอมเมิร์ซ ผู้บริโภค ต้องรักษาระยะห่างทางสังคมและอยู่บ้านมากขึ้น จึงหันมาใช้บริการออนไลน์ ทั้งในการตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวัน และเพื่อมองหาความบันเทิง และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์ พัฒนาจากการเป็นพื้นที่ซื้อ-ขาย เพื่อตอบสนองความจำเป็นไปสู่พื้นที่ในการสร้างประสบการณ์เชิงสังคม สู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่มีส่วนสร้างการเชื่อมต่อและตอบโต้ระหว่างกันได้มากขึ้น เช่น การเล่นเกม หรือการไลฟ์สด เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้งาน
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่พัฒนาไปอย่างมาก รวมถึงอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น และการเติบโตอย่างรวดเร็ว ของกลุ่มประชากรเยาวชนคนรุ่นใหม่และครอบครัวระดับกลาง ที่มีความถนัดและเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยี เราคาดการณ์ถึงการที่อีคอมเมิร์ซ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการใช้ชีวิต การติดต่อ และการดำเนินธุรกิจต่อไป”
จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอีคอมเมิร์ซ ช้อปปี้ได้คาดการณ์ 3 เทรนด์ใหญ่ในตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยปี 2021
1. การชำระเงินในช่องทางดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น
การชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัล เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในอีคอมเมิร์ซ และเมื่อผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับอีคอมเมิรซ์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการชำระเงินแบบไร้เงินสด ในโลกออฟไลน์ด้วยเช่นกัน
ช้อปปี้ส่งมอบทางเลือก ในการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการ ที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้งาน ด้วยบริการของ AirPay ซึ่งทำหน้าที่เป็นกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล
โดยในปี 2020 ช้อปปี้พบว่า ในทั่วภูมิภาค มีคำสั่งซื้อที่ชำระเงินผ่านช่องทางกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลของเราเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า โดยกลุ่มที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นสูงสุดในหลายประเทศทั่วภูมิภาค คือกลุ่มผู้ใช้ในช่วงอายุ 50 ปี ขึ้นไป
สะท้อนให้เห็นว่า AirPay เป็นช่องทางการชำระเงินที่ใช้งานง่าย เพราะโดยปกติแล้ว ผู้ใช้งานในช่วงอายุดังกล่าว มักจะมีความกังวลต่อการปรับตัวให้เข้ากับการใช้งาน ในการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัล
ด้วยนโยบายของภาครัฐ ที่ส่งเสริมและผลักดันสังคมไทยให้มุ่งสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดมาระยะหนึ่ง อีกทั้งผลกระทบของสถานการณ์ของโควิด-19 ในครั้งนี้ ได้เร่งการเติบโตของโลกดิจิทัลในภูมิภาค โดยก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ จะชำระเงินโดยการใช้เงินสด แต่เนื่องด้วยข้อจำกัด ในเรื่องการเดินทาง และการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้ผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ หันมาใช้ช่องทางการชำระเงินแบบดิจิทัลมากขึ้น เพราะช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย
เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลของคนไทย AirPay ช่วยส่งเสริมศักยภาพของร้านค้า โดยหลังจากที่แนะนำฟีเจอร์ใหม่ ที่เรียกว่า ‘Scan & Pay Vouchers’ พบว่าร้านค้าที่เข้าร่วมใช้ฟีเจอร์ มีจำนวนธุรกรรมการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 9 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน
2. โลจิสติกส์เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ
การบริการด้านโลจิสติกส์ จะมีความสำคัญมากกว่าเดิม สอดคล้องจากการที่ผู้บริโภค หันมาใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความคาดหวัง ต่อบริการการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพบว่าความต้องการจับจ่ายสินค้า มีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้าในชีวิตประจำวัน และของใช้ในครัวเรือน โดยในประเทศไทย ช้อปปี้มีการจัดส่งสินค้าเกี่ยวกับอาหารจากคลังสินค้าของช้อปปี้ เพิ่มมากขึ้นเกือบ 4 เท่า
แบรนด์ธุรกิจและผู้ขาย ต่างต้องการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อให้การจัดส่งสินค้าสามารถจัดส่งได้ตรงเวลาและมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการจัดส่งที่ผสานและเชื่อมต่อกับอีคอมเมิร์ซ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขาย ให้สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช้อปปี้ช่วยสนับสนุน และเปิดโอกาสให้แบรนด์ธุรกิจ สามารถต่อยอดการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดูแลในขั้นตอนตั้งแต่การค้นหาสินค้า ไปจนถึงการจัดส่ง รวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งของ เครือข่ายโลจิสติกส์และคลังสินค้า
ในปี 2020 ช้อปปี้ เอ็กซ์เพรส (Shopee Express) ซึ่งเป็นบริการจัดส่งสินค้าด่วนของช้อปปี้ ได้ขยายพื้นที่ขอบเขตการให้บริกา รครอบคลุมทั่วพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น ขณะเดียวกันช้อปปี้พบว่า มีแบรนด์ธุรกิจที่หันมาใช้บริการเครือข่ายโลจิสติกส์ของช้อปปี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในปี 2020 มีการจัดส่งสินค้าของแบรนด์ จากคลังสินค้าของช้อปปี้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
3. แบรนด์และผู้ขายต้องใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ทันสมัยกว่าเดิม
จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งแบรนด์ธุรกิจพรีเมียม ไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็ก ต่างต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ในการใช้กลยุทธ์ดิจิทัล เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในช่วงล็อคดาวน์ การซื้อขายออนไลน์ เป็นช่องทางสร้างรายได้ที่สำคัญสำหรับแบรนด์ธุรกิจ และผู้ขาย
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจึงต้องปรับตัวแ ละร่วมมือกับแบรนด์ธุรกิจและผู้ขายใ นการคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ทันสมัย เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าในวิธีที่แตกต่าง รวมถึงทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลกออนไลน์อีกด้วย
ปัจจุบันนี้ ช้อปปี้ มอลล์ มีแบรนด์ชั้นนำ ที่เข้าร่วมกว่า 20,000 แบรนด์ทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อมอบทางเลือกที่หลากหลาย และสร้างความมั่นใจด้วยสินค้าแท้จากแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือสินค้าแบรนด์ระดับพรีเมียม ช้อปปี้ร่วมงานกับแบรนด์อย่างใกล้ชิดเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างและตื่นเต้นกว่าที่เคย
ที่ผ่านมา ช้อปปี้ ได้ร่วมมือกับพอนด์ส ในการนำเทคโนโลยีเอไอเพื่อความงามที่ชื่อว่า Skin Advisor Live มาใช้เพื่อเสริมประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์สภาพผิวของตนเองได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ และใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจซื้อสินค้าที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเองได้
นอกจากนี้พอนด์ส ยังสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ของช้อปปี้ เช่น การไลฟ์สตรีม เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ผู้ขายรายย่อยบนช้อปปี้ ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ผู้จำหน่ายอาหารแห้งในจังหวัดสมุทรสาค รยังสามารถดำเนินธุรกิจบนช้อปปี้ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และมียอดคำสั่งซื้อเฉลี่ยรายวันเพิ่มสูงขึ้น 2 เท่า
นายเทอเรนซ์ กล่าวสรุปว่า “ช้อปปี้มุ่งมั่น ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วทั้งภูมิภาค ผ่านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผมเชื่อว่าภูมิภาคของเรา มีศักยภาพอย่างมากในการวางรากฐาน ให้ธุรกิจและผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่นต่อไปในอนาคต โดยช้อปปี้จะยืนหยัด สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อก้าวนำเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และสร้างการเติบโตให้อีคอมเมิร์ซได้ ต่อไปในปี 2564 และอนาคต”