fbpx
News update

จัดอันดับ ‘ไทย’ เป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน

Onlinenewstime.com : ประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับจากสำนักข่าวต่างประเทศ ว่าเป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน โดยใช้ระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจเพียง 6 วัน และมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนเพียง 5 ขั้นตอน

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์ U.S.News & World Report ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่เผยแพร่ข่าว ความเห็น และการจัดอันดับต่างๆ ที่ได้รับความนิยม และมีอิทธิพลต่อชาวอเมริกัน ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับประเทศ ที่เหมาะในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 ว่า ไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ติดต่อกันเป็นปีที่ 2

โดยเมื่อปี 2019 U.S.News. ก็ได้จัดอันดับให้ไทย เป็นประเทศที่เหมาะในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกเช่นกัน โดยผลการสำรวจ มาจากการสอบถามผู้บริหารในวงการธุรกิจ จำนวน 6,000 คนทั่วโลก พิจารณาจากสิ่งแวดล้อมการทำธุรกิจ 5 ด้าน คือ

1) การบริหารจัดการมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง (Affordable)

2) ระบบราชการที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ (Bureaucratic)

3) ต้นทุนการผลิตต่ำ (Cheap Manufacturing Costs)

4) การติดต่อการค้ากับต่างประเทศ (Connected to the Rest of the World)

5) ความสามารถการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย (Easy Access to Capital)”

“การจัดอันดับดังกล่าวข้างต้น สะท้อนถึงการพัฒนาการให้บริการภาครัฐ ในส่วนของการเริ่มต้นธุรกิจที่มีความสะดวก รวดเร็ว สอดรับกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ

ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเจ้าภาพหลักด้านการเริ่มต้นธุรกิจ (Starting a Business) ที่ธนาคารโลก ใช้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ จากสมาชิก 190 ประเทศทั่วโลก เพื่อจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business ในทุกๆ ปี

โดยรายงาน Doing Business 2020 ประเทศไทย อยู่ในอันดับรวมที่ 21 และอยู่ในอันดับที่ 47 ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ โดยการเริ่มต้นธุรกิจของไทย มี 5 ขั้นตอน ใช้ระยะเวลา 6 วัน ประกอบด้วย การจองชื่อบริษัท การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง”

“ในปีนี้ กรมฯ จะพัฒนาประสิทธิภาพ เพื่อให้การบริการเริ่มต้นธุรกิจดียิ่งขึ้น ลดระยะเวลา และขั้นตอนการบริการให้น้อยลงอีก โดยได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมสรรพากร และสำนักงานประกันสังคม

รวมทั้ง นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) มาช่วยอำนวยความสะดวก แก่ภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผล ให้อันดับของการเริ่มต้นธุรกิจดีขึ้นกว่าปี 2020 เป็นการส่งเสริมบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมในการเริ่มต้นธุรกิจ ผลักดันให้ประเทศไทย เป็นเป้าหมายสำคัญ ที่นักลงทุนชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้น” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย