fbpx
News update

จากการทำงานที่บ้านสู่การทำงานที่ไหนก็ได้

Onlinenewstime.com : หลังจากการระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปแล้วเกือบทั่วประเทศไทย คนทำงาน ก็กลับมาสู่หนทางของการทำงานแบบ Work From Home อีกครั้ง ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องปรับตัว พัฒนาความรู้ และสรรหาเครื่องมือใหม่ๆ มาช่วยให้เราทำงานได้เก่งขึ้นกว่าเดิม

ต้องทำงานสะดวก รวดเร็ว ยืดหยุ่น และทำงานไปพร้อมกับทีมอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทักษะเหล่านี้ พวกเราคงต้องอยู่ และพัฒนาเพื่อใช้กันต่อไปในอนาคต จนเราเองอาจลืมวิธีการทำงานเดิมๆ ไปเลย

จากบทเรียนครั้งที่แล้ว ไมโครซอฟท์เป็นอีกหนึ่งองค์กร ที่ได้เรียนรู้ไปพร้อมกับทุกคนบนโลกใบนี้ และด้วยความมุ่งมั่น ที่ต้องการเป็นกำลังสำคัญของทุกคน จึงได้มีการอัปเดท และพัฒนาโซลูชัน เพื่อช่วยให้ทุกคนก้าวต่อไปได้ ในยุคที่ต้องเรียนรู้ว่าความไม่แน่นอนคือธรรมชาติของชีวิต

สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ คือเราต้องพร้อม ตั้งแต่เครื่องมือการทำงานร่วมกัน อุปกรณ์และการติดต่อสื่อสาร ที่ทำได้เสมือนทำงานที่ออฟฟิศ ต้องเข้าถึงข้อมูล ไฟล์ และแอปพลิเคชันได้ ไม่ต่างจากยกคอมพิวเตอร์ของออฟฟิศมาใช้ที่บ้าน และแน่นอนว่าต้องใช้งานได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลระดับมืออาชีพ ถูกต้องตามกฎระเบียบ พร้อมปรับเปลี่ยนได้ตามโจทย์ ตามกระแส และฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละบุคคล

Microsoft Teams มากกว่าการทำงานด้วยกัน แต่เพื่อการทำงานร่วมกัน

สิ่งแรกที่ไมโครซอฟท์นำเสนอ คือศูนย์รวมของการทำงานระดับพรีเมี่ยม อย่าง Microsoft Teams ที่มีอะไรใหม่ๆล้ำหน้ามาช่วย โดยนำ AI มาตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานหลายมิติการทำงาน วันนี้หลายคนคงเริ่มชินกับการประชุมออนไลน์กันแล้ว แต่เชื่อว่าแต่ละคน ก็มีเทคนิคการใช้งานของตัวเองให้เร็วและคล่องตัว ตอบโจทย์การทำงานแบบมือโปร

บางครั้งเราก็ไม่ได้ประชุมกันด้วยสมาชิกแค่หลักสิบ Teams มีคุณภาพที่เปิดให้ประชุมได้ถึง 1,000 คน หรือเข้าร่วมแบบดูอย่างเดียวได้ ด้วยการบรอดคาสท์เพื่อเผยแพร่ข่าวสารสำคัญ โดยสามารถเปิดให้เข้าชมได้สูงสุดถึง 20,000 คน

ซึ่งมีทั้งโหมด Dynamic view, วิดีโอฟิลเตอร์ และ Live Reaction พร้อมหลากหลายฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆ ที่มาอำนวยความสะดวกให้ประชุมงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พลิกโฉมการประชุมงาน ให้กลายเป็น Happy Meeting ได้ไม่ยาก และวันนี้มีอะไรใหม่บ้าง

1. Virtual Breakout Rooms สร้างห้องประชุมย่อยในห้องประชุมใหญ่ เพื่อไว้ให้คุยกันเองเป็นกลุ่มเล็ก เหมาะกับการระดมสมอง เป็นการสร้างกลุ่มย่อย ที่หลังจบการประชุมย่อย ก็สามารถกลับมาสู่ห้องประชุมหลักได้ในทันที เพื่อให้การสรุปและตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว

2. Raise Your Hand ยกมือส่งสัญญาณ เมื่ออยากแสดงความคิดเห็น กดปุ่มยกมือแบบดิจิทัลเพื่อขอพูด สอบถาม หรือแสดงความคิดเห็นระหว่างการประชุมง่ายๆ ได้โดยไม่ต้องขัดจังหวะการสนทนาในที่ประชุม  

3. Live reactions ส่งผ่านความรู้สึกดีๆ ให้เพื่อนได้ทันใจ แม้จะเป็นการประชุมงานออนไลน์ ก็สามารถแสดงออกภาษากาย เสมือนนั่งเห็นหน้ากันได้ เช่น การส่งยิ้ม ปรบมือ หัวเราะ ผ่านอีโมจิที่ช่วยแสดงความรู้สึก ให้กำลังใจในระหว่างการประชุมได้ และเพื่อนๆ ยังรับรู้ว่าถึงการมีส่วนร่วม การตั้งใจฟัง ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่พัฒนามาให้ไม่ขัดจังหวะการประชุมเช่นกัน

4. Together Mode และ Large Gallery view คลายเครียด สร้างบรรยากาศการประชุม อยากเห็นหน้ากันแบบไหน สามารถปรับได้ตามใจชอบ ด้วยการปรับรูปแบบการมองเห็นผู้เข้าร่วมประชุม แบบที่ต้องการให้ผู้ใช้งานจากหลายที่ ปรากฏตัวบนจอภาพที่มีพื้นหลังเดียวกัน เช่น ห้องทำงาน ห้องประชุม หรือร้านกาแฟ ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ที่เดียวกัน ผ่านฟีเจอร์ Together Mode หรือโชว์ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดบนหน้าจอเดียว ด้วยฟีเจอร์ Large Gallery view ซึ่งแสดงผลได้สูงสุดถึง 49 คน

5. Custom layouts นำเสนองานได้อย่างมืออาชีพ ผู้นำเสนองาน สามารถเลือกรูปแบบที่อยากจะพรีเซนต์งานได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการพรีเซนต์ภาพข้างหลังใหญ่ๆ หรือให้เห็นภาพรวมมุมกว้าง เลือกได้ตามใจชอบ พรีเซนต์งานได้ดั่งมืออาชีพ

6. Live captions และ Transcripts ประชุมภาษาอังกฤษ แบบมี subtitle อุ่นใจ เข้าใจ หรืออัดกลับมาไว้ดูได้อย่างสบายใจ โดย Live captions จะเป็นตัวช่วยสำหรับการถอดเสียงเป็นตัวอักษรอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ในระหว่างที่ผู้พูดกำลังพูดอยู่ และบอกได้ด้วยว่าใครกำลังพูด ขณะที่ Live Transcripts นั้นจะรวมข้อความที่ถอดมาอยู่ในแท็บเดียวในหน้าแชท บันทึกไว้ได้ และสามารถส่งออกมาเป็นไฟล์ใช้งานทีหลังได้ด้วย

7. Voice call เบอร์ออฟฟิศติดไปกับตัว ใครโทรมาก็รับสายได้ทุกดีไวซ์ โทรหากันได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยเบอร์โต๊ะเดิมเบอร์เดียว ที่โชว์ทั้งรายชื่อผู้ติดต่อ ประวัติการโทร และวอยซ์เมลไว้ด้วยกันในที่เดียว และยังตั้งโอนสายไปยังหมายเลข หรือสมาชิกของทีมอื่น หรือหมายเลขอื่นได้ หากไม่ว่างรับสาย เหมือนมีโทรศัพท์ออฟฟิศติดตัวไปด้วยตลอดเวลาโทรหรือรับสายที่ไหนก็ได้

8. Mobile Companion mode ย้ายร่างจากในคอมฯ มาประชุมต่อบนสมาร์ทโฟน เป็นตัวช่วยได้ดี ในสถานการณ์ที่ประชุมยังไม่เสร็จ แต่ต้องวิ่งงานต่อ หรือออกไปทำธุระข้างนอก โดยสามารถสลับไปยังดีไวซ์อื่นได้ ตามที่ผู้ใช้งานสะดวก แถมโหมดนี้ยังสามารถประชุมผ่านสองดีไวซ์พร้อมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน

9. Whiteboard วาด ร่าง และเขียนไอเดีย ให้ทุกคนในทีมเข้าใจ เมื่อเสียงหรือคำพูดไม่สามารถอธิบายได้ อาจต้องพึ่งพากระดาน เพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ใช้ได้ทั้งการแปะโน้ต แสดงแผนภาพผ่านการระดมความคิดร่วมกันในกระดานแผ่นเดียว ไม่ว่าจะวาดด้วยมือ หรือสร้างเป็นกราฟหลายรูปแบบ ไปจนถึงการแปะ sticky notes ครอบคลุมทุกรูปแบบ ที่จะช่วยให้การทำงานแบบออนไลน์ได้คุณภาพ เหมือนนั่งประชุมอยู่ในห้องเดียวกัน

10. Noise Suppression ตัดเสียงรบกวนระหว่างการประชุม เพื่อช่วยให้เสียงสนทนาชัดเจนมากขึ้น ไมโครซอฟท์ได้นำ AI เข้ามาช่วยเรียนรู้ความแตกต่าง ระหว่างเสียงพูดและเสียงรบกวนที่ไม่จำเป็น และสามารถช่วยตัดเสียงรบกวนออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เสียงเพลง การพิมพ์แป้นพิมพ์ แม้กระทั่งเสียงเด็กๆ ที่บ้าน หรือเสียงสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนโดย AI จะใช้ได้สำหรับแพคเกจ Advance Communications License

และสำหรับคนที่คิดว่าอยากจะยกของทุกอย่างที่ใช้ได้ในคอมที่ออฟฟิศ กลับมาทำที่บ้าน ไมโครซอฟท์ยังมีโซลูชันที่ตอบโจทย์ Work From Home นี้ได้ และมั่นคงปลอดภัยกว่าผ่าน Desktop บนคลาวด์ ที่เรียกว่า “Windows Virtual Desktop”

ทำความรู้จัก Windows Virtual Desktop หรือ เดสก์ท็อปเสมือนจริง ตอบรับนโยบายWork From Home  ที่เปลี่ยนทุกดีไวซ์ในบ้าน ให้เหมือนใช้งานในออฟฟิศได้อย่างแท้จริง

Windows Virtual Desktop จากไมโครซอฟท์ เป็นบริการที่เหมือนยกทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศ ย้ายมาทำที่บ้าน โดยดึงทุกอย่างมาทำงานได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน ข้อมูล และไฟล์งานต่าง ๆ จะถูกนำไปรันไว้บนคลาวด์อัจฉริยะ Microsoft Azure ช่วยให้พนักงาน สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญภายในองค์กรได้จากที่บ้าน เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต และล็อกอินผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเอาแล็ปท็อปขององค์กรกลับบ้านแล้ว

ทั้งหมดนี้ เราสามารถกำหนดการเข้าถึงไฟล์ของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งช่วยลดโอกาสข้อมูลรั่วไหลออกนอกองค์กรได้อีกด้วย อธิบายง่ายๆ ว่า Windows Virtual Desktop นั้นจะแสดงหน้าจอเหมือนพีซีเครื่องหลักทุกประการ สามารถทำงานผ่านหน้าจอเสมือนได้ ผ่านทั้งแอปฯ และไฟล์งานต่างๆโดยไม่ต้องกังวลว่างานจะหยุดชะงัก หรือเสียเวลาเรียนรู้การใช้เครื่องมือใหม่ ๆ

ที่สำคัญยังเพิ่มขอบเขตในการเข้าถึงแอปฯ ที่ปกติแล้วบางองค์กร กำหนดให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในแอปฯ จากภายนอกได้ ควบคู่ไปกับการมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้บน Microsoft Azure ที่มีความยืดหยุ่นสูง และมาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับโลก ทั้งยังช่วยควบคุมต้นทุนของแต่ละองค์กร ทั้งยังประหยัดค่าบำรุงรักษาได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังหมดข้อกังวล เรื่องข้อมูลทางธุรกิจรั่วไหล ป้องกันการโจรกรรมทางข้อมูลขั้นสูง บนคลาวด์ระดับโลก กับระบบความปลอดภัยแบบ built-in จาก Microsoft Azure ที่ตรวจจับและยับยั้งการโจมตีโดยการใช้ AI มาเสริมความแม่นยำ ด้วยการป้องกันที่โครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรเป็นหลัก ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับด้านสารสนเทศทั้งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพื่อตอบรับนโยบายWork From Home  ที่เปลี่ยนทุกดีไวซ์ในบ้าน ให้เหมือนใช้งานในออฟฟิศได้อย่างแท้จริง

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมอ่านได้ที่ Microsoft Teams หรือดูวิธีการใช้ได้ที่ สาธิตการใช้ Windows Virtual Desktop ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่โทร 1800-012-821 (ไม่เสียค่าบริการ และมีเจ้าหน้าที่คนไทยรับสายเพื่อให้ความช่วยเหลือ)