onlinenewstime.com : เมื่อเร็วๆนี้ AIS จัดงานฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 ที่อยู่เคียงข้างสังคมไทย ในด้านเครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัล จนปัจจุบันมีฐานลูกค้ากว่า 42 ล้านราย พร้อมประกาศภารกิจ ยืนหยัดสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล ก้าวสู่ที่สุดของเทคโนโลยีแห่งอนาคตต่อไป รวมถึงโครงการ E-Waste ภารกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ชวนรณรงค์ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในโอกาสที่ เอไอเอสครบรอบ 29 ปี และก้าวสู่ปีที่ 30 นับเป็นความภาคภูมิใจ ของพวกเราชาวเอไอเอสเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาส สร้างประวัติศาสตร์ให้กับอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ มาอย่างต่อเนื่อง เกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
แม้จะเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีมากี่ยุค จากยุคอนาล็อก สู่ยุค NEXT G และพร้อมที่จะก้าวสู่เทคโนโลยีอนาคตอย่าง 5G เอไอเอสไม่เคยหยุดนิ่ง ที่จะก้าวล้ำไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเสมอ
โดยตลอดระยะ 29 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มเทวางรากฐาน โครงสร้างพื้นฐานด้าน Digital Infrastructure ที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยงบลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท และยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อร่วมสนับสนุน การเดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันในเวทีโลก
ในโอกาสฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 นี้ เราตั้งใจอย่างยิ่ง ที่จะขอบคุณลูกค้าและคนไทย ที่ให้ความไว้วางใจเรามาตลอด โดยการมอบของขวัญพิเศษ ตอบแทนลูกค้า AIS และ AIS Fibre ทั้งหมดกว่า 42 ล้านราย ผ่านโครงการสิทธิพิเศษ เอไอเอส พอยท์ ผนึกกำลัง ร่วมกับพันธมิตรจากทุกอุตสาหกรรม
อีกบทบาท คือ ในฐานะ Good Citizen ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการจุดประกายสังคมให้ตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลกระทบโดยตรง ต่อการใช้ชีวิตของทุกคนบนโลกใบนี้ ด้วยการผลักดันรณรงค์ เรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านโครงการ E-Waste เป็นโครงการระยะยาว ที่ตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมาย เบื้องต้นที่จะช่วยลดค่า CO2 ให้กับโลกใบนี้ ถึงจำนวน 1 ล้าน kgCO2e
ภารกิจ Mission Green 2020 ผ่านโครงการ E-Waste
ปัจจุบันประชาชนคนไทย ให้ความตระหนักถึงเรื่องของขยะมากขึ้น ทั้งการแยกขยะ และอันตรายจากขยะพลาสติก ทั้งการทิ้งไม่ถูกวิธี และการกำจัดไม่ถูกวิธี แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นขยะอีกชนิดที่อยู่ใกล้ตัวพวกเรา และเป็นอีกหนึ่งปัญหาประชากรของโลก ที่ยังขาดความใส่ใจเกี่ยวกับอันตราย ทำให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้รับการทิ้งให้ถูกที่ และจัดการอย่างถูกวิธี จึงก่อให้เกิดปัญหาสภาพแวดล้อม, สังคม และส่งผลเสียในระยะยาว
เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ที่ดำเนินธุรกิจอย่างเกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง มีความมุ่งมั่น ที่จะสร้างองค์ความรู้เพื่อให้คนไทย ตระหนักถึงผลเสียของการทิ้งขยะ อย่างไม่ถูกวิธี และรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของทุกคน และลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างในไทย
โดยสามารถทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ได้ที่ ถังขยะ E-Waste จากเอไอเอสที่จะตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ อาทิ AIS Shop และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล และในอนาคตจะถูกกระจาย ไปยังมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยขยะจากถัง จะถูกนำไปจัดการ และทำลายอย่างถูกวิธี ด้วยกระบวนการ Zero landfill (กระบวนการจัดการขยะ ทำให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ให้เกิดมูลค่าได้อีก)
ทั้งนี้ ถังขยะ E-Waste วัสดุทำมาจากไม้อัดรีไซเคิล โดยเป็นการดีไซน์จากนักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และทีมงานโครงการ AIAP (AIS IoT Alliance Program) โดย AIS ได้ต่อยอดนำเทคโนโลยี IoT เข้ามามีส่วนช่วย ในการนับชิ้นขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบ Real-time เพื่อ Convert ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ลดลง และแสดงบนเว็บไซต์ www.ewastethailand.com
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 62 จะมีวางถังขยะ E-Waste จำนวนทั้งสิ้น 81 จุด ที่ AIS Shop (ในกรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ) และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล (เฉพาะในกรุงเทพฯ) รวมถึงในอนาคต เอไอเอสจะจับมือร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ นำถังขยะ E-Waste ไปตั้งในแหล่งศึกษาตามจุดต่างๆ
นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวก ให้กับประชาชน เอไอเอสยังมีแผนที่จะไปรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้คนไทยถึงที่บ้าน โดยนำขยะที่ได้ ไปส่งให้กับพาร์ทเนอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการกำจัดขยะเหล่านี้อย่างถูกวิธี และนำเงินที่ได้รับจากการขายขยะ ไปบริจาคให้กับมูลนิธิ โดยสามารถดูจำนวนของขยะที่ถูกเก็บ และศึกษาองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ www.ewastethailand.com
ในส่วนการให้บริการลูกค้า บริษัทยังได้ทยอยเปลี่ยนมาใช้วัสดุ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการใช้พลาสติก อาทิ เปลี่ยนจากขวดน้ำพลาสติก เป็น แก้วกระดาษและเครื่องกดน้ำ
ตลอดจนการรณรงค์ให้พนักงานภายในองค์กร ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม และปรับวิถีไลฟ์สไตล์ในที่ทำงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเอไอเอสตั้งเป้าว่าภายในปี 2020 บริษัทจะสามารถลดค่า CO2 ได้จำนวน 1 ล้าน kgCO2e และจัดการกับขยะ E-Waste ได้ทั้งสิ้น 1 แสนชิ้น
ท่ามกลางกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ จากอิทธิพลของ Digital Disruption นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ ที่เอไอเอสปวารณาตัว เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ ให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ
และแน่นอนว่าพวกเราต้องพลิกวิธีคิด วิธีทำงาน วิธีมองใหม่ทั้งหมด เพื่อปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทีมผู้บริหารและพนักงานเอไอเอสทุกคน ขอยืนยันว่า เราพร้อมจะมุ่งมั่นผลักดัน สร้างสรรค์ ดิจิทัลไลฟ์ที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า สนับสนุนและอยู่เคียงข้างสังคมไทย เพื่อร่วมก้าวผ่านทุกความท้าทายในยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่นไปด้วยกัน