fbpx
News update

ช. การช่าง พร้อมเดินหน้าประมูลโครงการใหม่ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย

Onlinenewstime.com : ช. การช่าง เผยผลการดำเนินธุรกิจตลอดปี 2563 ยังคงแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 บ้าง ก็สามารถดำเนินการโครงการต่างๆได้ต่อเนื่องตามแผน โดยอาศัยพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง กลยุทธสร้างการเติบโตในธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง ตลอดจนมีนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้น ยังมีแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ที่ชัดเจนเพื่อบริหารความเสี่ยงในวิกฤติ Covid-19 มั่นใจจะได้งานเพิ่มเติม Backlog และพร้อมปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อการดำเนินธุรกิจในโลกวิถีใหม่ เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในปี 2564  

นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าสำหรับในปี 2563 บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินการโครงการตามสัญญาก่อสร้างได้ตามแผน กลยุทธ์การมุ่งลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานหลากหลาย โดยอาศัยความแข็งแกร่งของกลุ่ม CK ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของบริษัทต่างๆในเครือ ทั้ง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW และ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP 

โดยการดำเนินธุรกิจ ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่หลากหลายทั้ง ขนส่งมวลชน, น้ำประปา และพลังงาน ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤติ Covid-19 ไม่มากนัก เพราะธุรกิจการลงทุน และสามารถสร้างกระแสรายได้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องเสริมธุรกิจก่อสร้าง มั่นใจในความพร้อม ที่จะเข้าร่วมประมูลงานโครงการสาธารณูปโภคใหม่ต่างๆของภาครัฐ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่คาดว่าจะกลับมาเดินหน้าตามแผนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย 

ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 29,109 ล้านบาท มีผลงานโครงการที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบแล้ว ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย สัญญา 6 บริหาร จัดหา ติดตั้งอุปกรณ์งานระบบ โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน – นครราชสีมา สัญญาที่ 3 

โครงการปรับปรุงทางพิเศษสายศรีรัช -วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ และซ่อมแซมโครงสร้างทางพิเศษศรีรัช  โครงการงานปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ระบบผลิตและส่งจ่ายน้ำประปา โรงผลิตน้ำประปาบางเลน (ระยะที่ 1)  เป็นต้น 

ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 18,442 ล้านบาท กำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 612 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ร้อยละ 8.39% นอกจากนี้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ยังได้พิจารณาอนุมัติการจัดสรรเงินกำไร โดยจ่ายเงินปันผ ลสำหรับผลประกอบการปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงิน 331,579,374.40 บาท โดยมีกำหนดในการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 

สถานการณ์Covid-19 ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงปี 2563 ไม่ได้ส่งผลกระทบทางตรง ต่อการดำเนินงานโครงการก่อสร้างที่บริษัทดำเนินอยู่ และมีผลกระทบต่อการลงทุนบางส่วนแต่เป็นการชั่วคราว บริษัทฯมีแผนบริหารความเสี่ยง และแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ Business Continuity Plan (BCP) ที่ชัดเจน สำหรับการดำเนินธุรกิจทั้งในโครงการก่อสร้างและสำนักงานใหญ่ 

พร้อมแนวปฏิบัติในการดูแลความปลอดภัย สุขอนามัยตามมาตรฐานและแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กลยุทธ์การมุ่งลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานหลากหลาย ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบด้านรายได้น้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น 

สถานการณ์ Covid-19 กระทบต่อการประมูลโครงการใหญ่บางโครงการ ซึ่งมีผลต่อการประมูลงานใหม่ของบริษัท และทำให้ปริมาณงานในมือและรายได้ในปี 2563 ลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าในปี 2564 ภาครัฐจะเร่งเปิดประมูลโครงการต่างๆเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่ของ Covid-19 

โดยบริษัทมีความพร้อม เดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆเต็มที่ โครงการที่บริษัทให้ความสำคัญ คือ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท, รถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 77,000 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง มูลค่า 60,000 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ที่ผ่าน EIA แล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 180,000 ล้านบาท โครงการแนวมอเตอร์เวย์ นครปฐม – ชะอำ มูลค่า 61,000 ล้านบาท โครงการแนวมอเตอร์เวย์ บางขุนเทียน – บ้านแพ้ว มูลค่า 10,500 ล้านบาท เป็นต้น

สำหรับในต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาสรุปแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว กำลังการผลิตระหว่าง 1,000-1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เงินลงทุนราว 135,000 ล้านบาท รวมเป็นโครงการที่เตรียมเข้าประมูลมูลค่ากว่า 700,000 ล้านบาท  

นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัท ยังได้รับรางวัลจากองค์กรภาครัฐและเอกชนต่างๆมากมาย เช่น รางวัล “Thailand Sustainability Investment 2020” (THSI) โดยมอบให้แก่บริษัทจดทะเบียน ที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มีผลประกอบการที่เข้มแข็ง สร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบบรรษัทภิบาล,

รางวัล “Outstanding Investor Relations Awards” รางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น และรางวัลสุดยอดองค์กรแห่งปี “Thailand Top Company Awards 2020” ประเภทธุรกิจอุตสาหกรรมการก่อสร้าง  

สำหรับโครงการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการ มีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ โดย ณ เดือนธันวาคม 2563 มีรายละเอียด ดังนี้ 

  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) สัญญาที่ 1 ความคืบหน้าร้อยละ 64.1, สัญญาที่ 2 ความคืบหน้าร้อยละ 56.7และสัญญาที่ 5 ความคืบหน้าร้อยละ 64.6  
  • โครงการทางพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง สัญญาที่ 4 สะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ความคืบหน้าร้อยละ 33.6 
  • โครงการอาคารศูนย์บูรณาการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คืบหน้าร้อยละ 11.9 
  • โครงการงานก่อสร้างศูนย์เรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ความคืบหน้าร้อยละ 0.4 

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมุ่งสนับสนุนการดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุมรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ในภารกิจสู้ภัยโควิด-19  การดูแลสิ่งแวดล้อมชุมชนและสังคม เพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นอกจากนั้นบริษัทยังดำเนินโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่องเช่น  การส่งเสริมนวัตกรรมช่างชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ ช. การช่าง ในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและพัฒนาประเทศ ผ่านโครงสร้างพื้นฐานและการคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม