Onlinenewstime.com : จาก“พฤติกรรมผู้บริโภค” และการแข่งขันใน “ช่องทางการขาย” ที่เปลี่ยนไปนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ “ซิซซ์เล่อร์” แบรนด์อันดับต้นๆของเชนร้านสเต๊กและสลัดบาร์ ในรูปแบบนั่งรับประทานที่ร้าน (Dine in) มองเห็นโอกาสธุรกิจร้านอาหาร ที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ โดยเฉพาะเทรนด์การเติบโตในช่องทางดิลิเวอรีและการซื้อกลับบ้าน (Take Away) นั่นเอง ที่ทำให้ ซิซซ์เล่อร์ ต้องปรับ Positioning ใหม่ โดยคีย์ซัคเซสมุ่งเน้นไปที่การวางกลยุทธ์ในช่องทางขาย เมนูอาหาร และราคาที่ตอบโจทย์กับการแข่งขันเพื่อชิงแชร์ในสมรภูมิใหม่
นายกรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ให้บริการร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ “ซิซซ์เล่อร์” กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายของธุรกิจอาหารในประเทศไทยนั้น Market landscape ไม่ได้เปลี่ยน แต่มีความท้าทายอยู่ที่ Player มากขึ้น Channel มากขึ้น ทั้ง Dine in ดิลิเวอรี หรือแม้กระทั่งทูโก แม้ปริมาณลูกค้าไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ความถี่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ เราปรับตัวเองให้มีความยูนีคกับลูกค้าเป้าหมายขนาดไหน ตรงนั้นคือ สิ่งที่ต้องโฟกัสเพื่อให้มาซึ่งโอกาสธุรกิจ
จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเป็นที่มาของการครีเอทช่องทางการขายและเมนูใหม่
ในด้านพฤติกรรมการกินข้าวนอกบ้านของคนไทย ปัจจุบันเป็นไลฟ์สไตล์ที่ไม่ทำกับข้าวกินเอง ซึ่งตอนนี้มีการสั่งอาหารในช่องทางดิลิเวอรีเพิ่มเข้ามาอีก นอกจากไม่ทำแล้ว ยังไม่กินข้างนอก แต่สั่งมากิน ถือเป็นช่องทางใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตลาดอาหาร
เช่นเดียวกับจุดเริ่มต้นการเปิด “ซิซซ์เล่อร์ ทูโก” นำร่องสาขาศาลาแดง เป็นแห่งแรก และเร็วๆนี้มีแผนจะขยายอีกหลายที่ โดยมีแนวคิดว่า จากเดิมที่เราขายที่ร้าน ส่งไปให้ที่บ้าน แต่เวลาเขาเดินไปเดินมา มีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ มี Journey ในการเดินทาง เราจะเข้าไปอยู่ระหว่างทางของชีวิตเร่งรีบได้อย่างไร ถ้าสามารถย่อร้านขนาดเล็กและสามารถวางได้หลายๆที่ มี Product ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็ว ไม่ต้องยืนเลือกนาน อาหารดี อร่อย ซึ่งเรามั่นใจว่า อาหารเราดีต่อสุขภาพ เลือกได้เร็ว รสชาติถูกปาก
บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมนูอาหารใหม่ๆ ในกลุ่มนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต และเมนูเพื่อสุขภาพ ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารที่มีคุณค่า ในราคาที่เข้าถึงได้ ขณะเดียวกันเตรียมขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีสาขา 57 แห่ง เป็นกรุงเทพฯ 31 แห่ง และต่างจังหวัด 26 แห่ง ขณะที่กลุ่มธุรกิจดิลิเวอรี่ปีที่ผ่านมาก็มีการเติบโตต่อเนื่อง
กลยุทธ์การปรับเมนูใหม่ ถือว่าเป็นอีกคีย์ซัคเซส ที่สำคัญ ในการขยายโอกาสเข้าไปในเฮลธ์ตี้เฮ้าส์ นางนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที กล่าวว่า ในปี 2563 เรามีการเติบโตใน 3 ช่องทางการขาย และนอกจากในรูปแบบ Dine in (นั่งทานที่ร้าน ) ยังมีดิลิเวอรีและการซื้อกลับบ้าน (Take Away ) ถือเป็นช่องทางสำคัญ ซึ่งเรามีการคิดค้นเมนูใหม่ ขึ้นมารองรับการเติบโต โดยมีเมนูข้าวที่ขยายจาก Dine in มาลงในดิลิเวอรีด้วย เพื่อให้ลูกค้ามีความถี่ในการสั่งมากขึ้น และตอบโจทย์กลุ่มเฮลธ์ตี้ อีกทั้งเสริมรสชาติไทยๆ (เอเชี่ยน เทส) เพิ่มเข้ามา เพราะจากความสำเร็จปีที่ผ่านมา ทำให้เรียนรู้ว่า ถ้าเมนูมีความเป็นฝรั่งมาก อาจไม่ถูกปากลูกค้า
“ปัจจุบันการตอบรับของกลุ่มเฮลธ์ตี้ ในช่องทางนั่งทานที่ร้าน (Dine in) เรามีฐานลูกค้าที่สั่งเมนูสลัด สัดส่วน 30% ซึ่งจะมีกลุ่ม ที่อยากทานผักเฉย กับอยากทานเบาๆ กับกลุ่มไม่ทานเนื้อสัตว์”
เมนูตอบโจทย์เพื่อสุขภาพ
เริ่มจาก “เฮลท์ตี้ วีแกน ชอยส์” (Healthy Vegan Choice) ในกลุ่ม “แพลนต์เบส” (Plant Based) ซึ่งเป็น สเต๊กเนื้อสัตว์จากธัญพืช 100% โดยได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ว่าเป็นอาหารแห่งอนาคต ในราคาเริ่มต้นที่ 329 บาท และ 399 บาทตามลำดับ และเมนูแพลนต์เบสเป็นเมนูที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้รับประทานอาหารมังสวิรัต และกลุ่มคนรักสุขภาพ ทั้งยังเป็นการป้องกันการขาดแคลนเนื้อสัตว์ในอนาคต หรือในอีก 30 ปีข้างหน้าที่เนื้อสัตว์อาจจะหมดไปจากโลก จำหน่ายวันนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2663 เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ และรับประทานภายในร้าน
รวมถึง“ซิซซ์เล่อร์ ทู โก” (Sizzler to go) โมเดลธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด “เฮลท์ตี้ ออน เดอะ โก” ในรูปแบบคีออสขนาดเล็ก พื้นที่ 3 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง เน้นจับกลุ่มคนทำงาน กลุ่มคนที่รักสุขภาพ และผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า มี 3 เมนูยอดนิยม คือ สลัด และ แซนวิส ราคาเริ่มต้นที่ 79 บาท และน้ำผลไม้สกัดเย็น 100% รสชาติใหม่ “อิมมูน บูสเตอร์” มีส่วนผสมของต้นอ่อนข้าวสาลี แอปเปิ้ล และส้ม ที่สกัดสดแบบวันต่อวัน ทำให้ได้น้ำผลไม้ที่มีความสดใหม่และมีสารอาหารครบถ้วน ราคา 95 บาท โดยทุกๆ การซื้อน้ำผลไม้สกัดเย็น 1 ขวด จะหักเงินมูลค่า 5 บาท เพื่อสนับสนุนมูลนิธิเพื่อส่งเสริมสุขภาพและเยาวชน และความพิเศษของคีออสดังกล่าว ยังใช้แพคเกจจิ้งวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ กล่องบรรจุอาหาร ถุงกระดาษ และหลอดกระดาษ
นอกจากนี้ ยังมี “แวลู มีล” ชุดสุดคุ้ม ประกอบด้วย สเต๊กหมูย่างซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิล สเต๊กปลากะพงย่างซอสซีฟู้ดมาโย และสเต๊กไก่ย่างซอสแกงเผ็ด ในราคา 259 บาท จากราคาปกติ 289 บาท ฟรีสลัดผัก จำหน่ายเฉพาะวันจันทร์ – ศุกร์ยกเว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 พฤษภาคม 2563
ส่วนการตั้งเป้ายอดขายนั้น เพิ่มสัดส่วนยอดขายในช่องทางนอกร้าน ที่มีทั้งทูโกและดิลิเวอรี ให้มีสัดส่วนอย่างน้อย 20%- 30% ของภาพรวมซิซซ์เล่อร์ โดยตอนนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าโตกว่าปีแล้ว แต่ยังเป็นการเติบโต Single digit Growth (เติบโตในเลขหนึ่งหลัก) เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ที่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย
ในเรื่องของแผนการลงทุนยังทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดสาขาใหม่ และ renovate สาขาเดิม รวมถึงเปิดร้านซิซซ์เล่อร์ ทูโก ในย่านออฟฟิสใจกลางเมือง ภายในเดือนเมษายนอีก 2 แห่ง กลยุทธ์ก็คือ ต้องลองในที่หลายๆแบบ เช่น บีทีเอส ย่านออฟฟิส โดยแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะคู่กันไปกับ Product Development โดยเชฟของซิซซ์เล่อร์ ทูโก ผู้บริหารของซิซซ์เล่อร์ กล่าว