Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

ซีอีโอทั่วโลก ผลัดใบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ “ผู้รับไม้ต่อ” กำลังเผชิญความท้าทาย

onlinenewstime.com : บริษัท Strategy& ของ PwC เผยในปี 2561 พบองค์กรทั่วโลก มีการผลัดเปลี่ยน หมุนเวียน ตำแหน่งซีอีโอสูงสุด เป็นประวัติการณ์ ถึง 17% ขณะที่สัดส่วนของซีอีโอ ที่ถูกบังคับ ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะกระทำผิดทางด้านจริยธรรม เพิ่มขึ้น มากกว่า ปัญหาผลประกอบการ หรือการขัดแย้งกับบอร์ด

ชี้ซีอีโอใหม่ ที่รับช่วงต่อจาก ซีอีโอที่อยู่ในตำแหน่งนานๆ มีแนวโน้ม ที่จะมีผลงานลดลงเทียบกับคนเดิม  พร้อมแนะผู้บริหาร วางแผนสืบทอดตำแหน่ง อย่างรัดกุม เพื่อผลการดำเนินงาน ที่ยั่งยืนขององค์กร

นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง
หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย

นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการศึกษา ความสำเร็จของซีอีโอ ประจำปี 2561 หรือ 2018 CEO Success study ที่จัดทำโดย Strategy& ซึ่งเป็น บริษัทให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ของ PwC โดยทำการวิเคราะห์ การส่งต่อการบริหารของซีอีโอ ของบริษัทมหาชน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 2,500 แห่งในช่วง 19 ปี ที่ผ่านมา

พบว่า ในปี 2561 องค์กรทั่วโลก มีการผลัดเปลี่ยนซีอีโอสูง เป็นประวัติการณ์ที่ 17%  ในขณะที่ ค่ากลางของช่วงระยะเวลา ในการดำรงตำแหน่งของซีอีโออยู่ที่ 5 ปี และมี 19% ของซีอีโอ ที่อยู่ในตำแหน่งนานถึง 10 ปี หรือมากกว่านั้น

ทั้งนี้ จากการศึกษาระบุว่า แม้จะมีผลกระทบ จากการเข้ามาของเทคโนโลยี การแข่งขันที่เข้มข้น และนักลงทุน ที่แสวงหาการควบรวมกิจการ แต่กลุ่มซีอีโอ ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนาน หรือค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 14 ปี และมีผลการดำเนินงานที่ดี มีโอกาส ที่จะถูกบังคับ ให้ออกจากตำแหน่ง น้อยกว่า ซีอีโอที่อยู่ในตำแหน่งสั้นกว่า

โดยหากพิจารณา ในระดับภูมิภาคพบว่า ซีอีโอในทวีปอเมริกาเหนือ มีแนวโน้ม ที่จะสามารถอยู่ในตำแหน่ง ได้ยาวนานที่สุดที่ 30% ตามด้วยซีอีโอในยุโรปตะวันตกที่ 19% ซีอีโอในญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศ BRI ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย และอินเดียที่ 9% และซีอีโอในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ 7%

นอกจากนี้ รายงานยังชี้ให้เห็น ถึงสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ของซีอีโอ ที่ถูกบังคับ ให้ออกจากตำแหน่ง จากการกระทำผิดด้านจริยธรรม ในปี 2561 โดยมีจำนวนถึง 39%  ซึ่งมากกว่า ปัญหาด้านผลประกอบการ ทางการเงิน หรือความขัดแย้ง กับคณะกรรมการบริษัท

ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ ของการทำการศึกษานี้ และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเปรียบเทียบกับ 26% ในปี 2560

หนทางข้างหน้าที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ผลการศึกษา ยังพบด้วยว่า ซีอีโอผู้รับช่วงต่อ จากซีอีโอที่เคยอยู่ในตำแหน่งมายาวนานนั้น มีแนวโน้มต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งในเรื่องของระยะเวลาในตำแหน่งที่สั้นกว่า ผลการดำเนินงานที่ด้อยกว่า และหลายครั้งพบว่า มีโอกาสถูกบีบให้ออกจากตำแหน่ง มากกว่าจะรอให้ซีอีโอคนใหม่มาแทน

ทั้งนี้ หากแบ่งผลการดำเนินงาน ออกเป็นสี่ส่วน เปรียบเทียบกับซีอีโอรุ่นก่อน พบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง ของผู้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอ ต่อจากซีอีโอ ที่อยู่ในวาระนาน มีแนวโน้ม ที่จะมีผลการดำเนินงาน อยู่ในลำดับที่ลดลงหนึ่งส่วน หรือมากกว่านั้น  ขณะเดียวกันที่ 69% ของผู้สืบทอดซีอีโอ ที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนานและมีผลการดำเนินงาน อยู่ในลำดับที่หนึ่ง ก็มีแนวโน้ม ที่จะมีผลการดำเนินงาน ลดลงมาอยู่ในลำดับที่สามและสี่

การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของซีอีโอในปี 2561

ผลการศึกษาพบว่า การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ตำแหน่งซีอีโอ ของบริษัทมหาชน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 2,500 แห่ง เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 17.5% ในปี 2561 หรือเพิ่มขึ้น 3% จาก 14.5% เมื่อปี 2560 และสูงกว่าค่ามาตรฐาน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

โดยการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งซีอีโอนี้ ยังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ทั่วทั้งภูมิภาค ในปีที่ผ่านมา ยกเว้นจีน และรวมถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในทวีปยุโรปตะวันตก

นอกจากนี้ การผลัดเปลี่ยนซีอีโอ ยังอยู่ในระดับสูงที่สุดใน “กลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว” เช่น ออสเตรเลีย ชิลี และ โปแลนด์ ที่ 21.9% และสูงเกือบเท่ากับบราซิล รัสเซีย และอินเดีย ที่ 21.6% ตัวเลขการปรับขึ้นสูงสุด ถัดมา อยู่ในทวีปยุโรปตะวันตก 19.8% และต่ำสุดในทวีปอเมริกาเหนือ 14.7%

หากพิจารณา เป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า ธุรกิจบริการด้านการสื่อสาร มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งซีอีโอสูงที่สุด 24.5% ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุ 22.3% และพลังงาน 19.7% ส่วนอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ มีอัตราการผลัดเปลี่ยนซีอีโออยู่ในระดับต่ำที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ 11.6%

ผู้หญิงแถวหน้า

ในส่วนของการศึกษา ถึงผู้หญิง ที่กำลังจะเข้ามาเป็นซีอีโอพบว่า สัดส่วนลดลง อยู่ที่ 4.9% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ 2560 ที่ 6% อย่างไรก็ดี แนวโน้ม มีการปรับขึ้น อย่างต่อเนื่อง จากที่แตะระดับต่ำที่ 1% ในปี 2551

ซึ่งแตกต่างจากปี 2560 ที่สถิติแตะจุดสูงสุด เพราะได้รับแรงหนุน จากการเพิ่มขึ้นของซีอีโอหญิง ในสหรัฐฯ และแคนาดาที่ 9.3% ขณะที่ อัตราการเติบโตสูงสุดในปี 2560 มาจากบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และประเทศในกลุ่ม ตลาดเกิดใหม่อื่นๆ

อนึ่ง อุตสาหกรรมสาธารณูปโภค ถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีส่วนแบ่งซีอีโอหญิง ที่ใหญ่ที่สุดที่ 9.5% ตามด้วย กลุ่มธุรกิจบริการด้านการสื่อสาร และ กลุ่มธุรกิจบริการทางการเงินที่ 7.5% และ 7.4% ตามลำดับ

นางสาว วิไลพร กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย ก็เห็นการผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนตำแหน่งซีอีโอ ในสัดส่วนที่สูง ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไป ในทิศทางเดียวกับผลการศึกษา โดยส่วนใหญ่ จะเป็นการส่งไม้ต่อจากการบริหาร จากรุ่นพ่อแม่ สู่ผู้นำรุ่นลูก หรือ ซีอีโอคนปัจจุบัน ใกล้ครบวาระ หรือเกษียณอายุ

สิ่งที่ท้าทายอันดับหนึ่ง สำหรับซีอีโอ ที่ต้องเข้ามารับไม้ต่อ การบริหารงาน จากซีอีโอเดิมที่ดำรงตำแหน่ง มาเป็นระยะเวลานานๆ คือ จะสานต่อนโยบายเดิมที่มีอยู่ ควบคู่ไปกับการมองหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อมาขับเคลื่อนองค์กร ท่ามกลางสภาพแวดล้อม ของการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร

นอกจากนี้ การบริหารความคาดหวัง ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคลากรภายในองค์กร ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ที่ซีอีโอใหม่ต้องเผชิญ เนื่องจากรูปแบบการบริหารงานของซีอีโอแต่ละท่านนั้น ย่อมแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้น การสื่อสารกับพนักงานให้ทราบถึงวิสัยทัศน์ นโยบาย และกลยุทธ์ขององค์กร รวมทั้งทิศทาง ของการนำใช้เทคโนโลยี เข้ามาใช้ควบคู่ กับการพัฒนาทักษะ ของพนักงาน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่มองข้ามไม่ได้ และน่าจะช่วยลดแรงต้าน หรือผลกระทบ จากการเปลี่ยนผ่าน สู่การบริหาร ภายใต้ซีอีโอคนใหม่ ให้มีความราบรื่น และส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน อย่างยั่งยืนได้

Exit mobile version