Onlinenewstime.com : นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ได้กล่าวในพิธีเปิดห้องปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการทำเหมืองอัจฉริยะในเมืองไท่หยวน ถึงวิสัยทัศน์ต่อความร่วมมือทางการค้าที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายเสรี โดยย้ำว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้จากนโยบายการค้าเสรี และตอกย้ำความมุ่งมั่นของหัวเว่ย ที่จะถ่ายโอนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี 5G ให้แก่ส่วนรวมเพื่อการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านไอซีทีอย่างเท่าเทียมทั่วโลก
นายเหริน เจิ้งเฟย กล่าวถึงความสำคัญ ของการเปิดนโยบายการค้าเสรีไว้ว่า “ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ต่างต้องการที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของตนเอง เพื่อผลประโยชน์ทางด้านสังคมและการเงิน ทุกคนทั่วโลกก็เช่นกัน ในเวลาที่มนุษยชาติกำลังก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่มีบริษัทหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกได้ด้วยตัวคนเดียว เนื่องจากการพัฒนาในระดับโลก จำเป็นต้องมีการระดมความร่วมมือกันจากทั่วทุกมุมโลก”
นอกจากนี้ เหริน เจิ้งเฟย ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบจากเทคโนโลยี 5G ในระดับโลกไว้ว่า “เราพร้อมที่จะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G ในทุกด้าน ไม่เพียงแค่ลิขสิทธิ์ในการผลิต แต่ยังรวมไปถึงซอร์สโปรแกรม ซอร์สโค้ด ด้านการออกแบบฮาร์ดแวร์ ไปจนถึงความรู้ความชำนาญและการออกแบบชิปเซ็ต”
ในยุคสมัยใหม่ของภาคอุตสาหกรรม ที่มีความอิสระ ทั้งสายการผลิตและการร่วมมือกันอย่างเปิดกว้าง ระหว่างองค์กรจากหลายประเทศทั่วโลกเป็นสิ่งที่จำเป็น หัวเว่ยในฐานะผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านไอซีทีระดับโลก จะยังคงมุ่งมั่นให้บริการแพลตฟอร์มแก่ภาคอุตสาหกรรมหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำเหมืองแร่ การท่าเรือ อุตสาหกรรมเหล็ก และอุตสาหกรรมถ่านหิน ที่ต้องการนำโซลูชันด้านไอซีที มาประยุกต์ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ และระบบการประมวลผลคอมพิวเตอร์สำหรับนำไปใช้พัฒนาและต่อยอดในภาคอุตสาหกรรม
เพื่อดำเนินการตามความมุ่งมั่นในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า หัวเว่ยจึงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรม ให้รุดหน้ามากกว่าการจำกัดอยู่แค่ด้านโทรคมนาคม ด้วยการก่อตั้งศูนย์การวิจัยและห้องปฏิบัติการร่วมกว่า 100 แห่งทั่วโลก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา รวมถึงด้านสุนทรียะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม