Onlinenewstime.com : “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนพฤศจิกายน 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตร เป็นสำคัญ”
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนพฤศจิกายน 2565 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนพฤศจิกายน 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตร เป็นสำคัญ”
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 80.9 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าแสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในภาคบริการ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมจากคู่ค้าต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 79.0 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเพิ่มขึ้น และในภาคการลงทุน เนื่องจากผู้ประกอบการภาคบริการในบางพื้นที่มีการขยายกิจการ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 76.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าแสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคการลงทุนในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากคาดว่าผู้ประกอบการบางรายในพื้นที่จะขยายกิจการเพิ่มขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 74.4 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าแสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารแปรรูป และในภาคบริการ เนื่องจากผลประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 68.1 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะในภาคบริการเนื่องจากนักท่องเที่ยวให้ความสนใจการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และในภาคเกษตร เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำการเกษตร ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ระดับ 66.7 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าแสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในภาคบริการ เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคการลงทุนในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากคาดว่าผู้ประกอบการภาคบริการบางรายจะขยายกิจการในอนาคต
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ระดับ 56.3 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น และในภาคเกษตร จากความต้องการสินค้าเกษตรของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ตารางสรุปดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ปี 2565 (ณ เดือนพฤศจิกายน 2565)
กทม. และปริมณฑล | ภาคตะวันออก | ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ | ภาคใต้ | ภาคกลาง | ภาคเหนือ | ภาคตะวันตก | |
ดัชนีความเชื่อมั่น อนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค | 56.3 | 80.9 | 74.4 | 79.0 | 66.7 | 68.1 | 76.1 |
ดัชนีแนวโน้มรายภาค | |||||||
1) ภาคเกษตร | 60.4 | 80.8 | 72.1 | 70.9 | 61.9 | 70.7 | 69.5 |
2) ภาคอุตสาหกรรม | 66.4 | 82.7 | 79.2 | 78.6 | 65.8 | 59.4 | 78.1 |
3) ภาคบริการ | 56.3 | 85.6 | 77.7 | 89.0 | 75.2 | 81.6 | 85.6 |
4) ภาคการจ้างงาน | 51.9 | 75.3 | 67.6 | 74.8 | 65.0 | 65.3 | 68.0 |
5) ภาคการลงทุน | 46.4 | 79.9 | 75.5 | 81.6 | 65.9 | 63.5 | 79.4 |