onlinenewstime.com : ในไตรมาสที่ 1/62 ดีแทคยังคงขยาย และปรับปรุงโครงข่าย หลังจากการขยายโครงข่ายครั้งใหญ่ในไตรมาส 4/61 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ จากระบบสัมปทานในเดือนธันวาคม 2561 มาเป็นระบบใบอนุญาต
นอกจากนั้นดีแทคยังได้เปิดตัวแคมเปญ “Never Stop Caring” หรือ “สัญญาว่า…จะไม่หยุดดูแลกัน” เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการบนโครงข่าย 2300 MHz ซึ่งเชื่อมั่นว่า เป็นโครงข่ายที่มอบประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือที่ดีที่สุด
ณ สิ้นไตรมาส 1/62 ฐานลูกค้าทั้งหมดอยู่ที่ 20.7 ล้านเลขหมาย และมีจำนวนสถานีฐานอยู่ที่ 15,400 สถานีซึ่งเพิ่มขึ้น 2,700 สถานีในช่วงไตรมาสนี้ ลูกค้าประมาณ 7.8 ล้านราย หรือร้อยละ 76 ของฐานลูกค้า 4G ได้ใช้บริการบนโครงข่ายคลื่นความถี่ 2300 MHz ทั้งนี้โครงข่ายโดยรวมของดีแทคครอบคลุม 94% ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ
รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC สำหรับไตรมาส 1/62 ลดลงร้อยละ 5.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักแมาจากการลดลงของรายได้ จากผู้ใช้บริการเติมเงิน และจากบริการระหว่างประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ใช้บริการรายเดือนยังคงเพิ่มขึ้น จากผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนจากระบบเติมเงินมาเป็นระบบรายเดือน และแคมเปญอุปกรณ์ที่น่าสนใจต่างๆ
EBITDA สำหรับไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุน หลังการสิ้นสุดระบบสัมปทาน เช่น ต้นทุนค่าธรรมเนียม (Regulatory costs) ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาเช่าสินทรัพย์ ภายใต้สัมปทานกับ CAT และค่าโรมมิ่งบนโครงข่าย 2300MHz กับ TOT รวมถึงการจัดการต้นทุนที่ดี ของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการให้บริการ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร EBITDA margin สำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 34.7 CAPEX ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4.4 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 28% ของรายได้จากการให้บริการไม่รวม IC
กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้รายได้จากการให้บริการจะลดลง โดยเป็นผลจากโครงสร้างต้นทุนใหม่เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก หลังการสิ้นสุดระบบสัมปทาน ซึ่งรวมถึงการลดลงของค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA – CAPEX) สำหรับไตรมาส 1/62 กลับมาเป็นบวกที่ 1.7 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ฐานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 1.3 เท่า และมีเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 1/62 จำนวน 1.28 หมื่นล้านบาท
สิ่งที่ดีแทคได้มุ่งเน้นในขณะนี้ได้แก่ 1) ปรับปรุงโครงข่ายและประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า 2) สร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ดีแทค และ 3) ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเติบโตในปี 2562 โดยยังคงมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพการดำเนินงาน นอกจากนี้ดีแทควางแผนที่จะใช้เงินลงทุนในปี 2562 จำนวนประมาณ 1.3 – 1.5 หมื่นล้านบาท
อเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีแทค กล่าวว่า “ในไตรมาสแรกของปี 2562 ดีแทคได้สร้างความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นต่อโครงข่ายดีแทคหลังจากสิ้นสุดระบบสัมปทาน ด้วยการขยายโครงข่ายครั้งใหญ่ในไตรมาสที่ 4/61 และต่อเนื่องมาในไตรมาส 1/62 โดยเริ่มที่จะเห็นผลในเชิงบวกแล้ว
ในส่วนของการให้บริการในระบบรายเดือน ยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การให้บริการในระบบเติมเงินยังคงต้องมีการปรับปรุง เราจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าระบบรายเดือน และใช้วิธีการแบ่งกลุ่มการตลาด (segmentation approach) เพื่อดึงดูด และเข้าถึงลูกค้าเติมเงินให้กลับมาใช้ดีแทคอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าว กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มคนเล่นเกม”
ดิลิป ปาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงินของดีแทค กล่าวว่า “แม้ว่าการการเติบโตของรายได้ จะอยู่ภายใต้ความท้าทาย แต่ประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง ไตรมาส 1/62 เป็นไตรมาสแรกที่ดีแทคดำเนินการ ภายใต้ระบบโครงสร้างต้นทุนใหม่ ที่มีต้นทุนค่าธรรมเนียม และค่าตัดจำหน่ายโครงข่ายภายใต้สัมปทานที่ต่ำลง แต่ค่าใช้จ่ายของค่าเช่ากับ CAT ค่าโรมมิ่งกับ TOT และค่าตัดจำหน่ายของใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 และ 1800 MHz ได้เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามต้นทุนอื่นๆ อันประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานของโครงข่าย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ถูกควบคุมเป็นอย่างดี กระแสเงินสด จากการดำเนินงานกลับมาเป็นบวกในไตรมาสนี้ หลังจากการลงทุนด้านโครงข่ายครั้งใหญ่ในไตรมาส 4/61 สถานะทางการเงินของเรายังคงแข็งแกร่ง และมีความยืดหยุ่น”