fbpx
News update

ภัยเงียบใกล้ตัว ทำไมต้องเก็บ “ภาษีความเค็ม” ในสินค้าที่มีปริมาณโซเดียมสูง

onlinenewstime.com : ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ อาจารย์สาขาวิชาโรคไต คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีและประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ชี้หยุดการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็น ลดความเสี่ยงจากโรคไตวาย โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอัมพฤกษ์อัมพาต ที่เป็นภัยเงียบใกล้ตัว โดยใช้นโยบายเก็บภาษี “ความเค็ม” ในสินค้ากลุ่มที่มีปริมาณโซเดียมสูงมาก เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊ก ขนมกรุบกรอบ ทุกประเภท เช่นเดียวกับประเทศฮังการีและโปรตุเกส ที่มีการนำร่องนโยบายเก็บภาษี หวาน-เค็ม  ให้เวลาผู้ผลิตสินค้า ภายใน 3 ปีควบคุมให้เป็นไปตามเกณฑ์ไม่ได้ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม 
ปัจจุบัน คนไทยป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังสูงถึง 7,600,000 คน เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดปีละเกือบ 40,000 คน หรือ วันละ 108 คน เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตมากกว่า 500,000 คน

ที่ผ่านมาประเทศไทยมีมาตรการในการรณรงค์ให้คนไทยลดการบริโภคเค็ม อย่างเช่น การมีฉลากโภชนาการ บอกค่าพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร จึงขอเสนอ นโยบาย เก็บภาษีความเค็มโดยเริ่มต้นจากสินค้าประเภท บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊ก ขนมกรุบกรอบ ทุกประเภท เป็นอันดับแรก เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมสูงมาก

นับว่า โซเดียม เป็นภัยเงียบใกล้ตัว เปรียบได้เหมือนการสะสมความตายแบบผ่อนส่ง เพราะนอกจากอาการป่วยที่จะสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตแล้ว ยังเป็นภาระทางการเงินระยะยาวที่ต้องแบกรับ ซึ่งประเทศไทยมีสถิติผู้ป่วยที่ต้องล้างไตเพิ่มขึ้นทุกปี คนไทยกินเกลือ (โซเดียม) สูงถึง 4,351 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ มากกว่า 2 เท่าของความต้องการของร่างกาย
ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ 
ผศ.นพ.สุรศักดิ์ ยกตัวอย่างประเทศที่มีการรณรงค์ลดการบริโภคเค็ม โดยการใช้นโยบายเก็บภาษี หวาน-เค็ม เช่น ในประเทศฮังการี เริ่มประกาศใช้ในปี พศ. 2554 เก็บภาษี หวาน – เค็ม เช่น เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ขนมขบเคี้ยว เครื่องปรุงรส จากการประเมินผลในปี พศ. 2556 รัฐเก็บภาษีได้ 2,300 ล้านบาท/ปี
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผลที่เกิดขึ้นในด้านอื่นๆ อีกด้วย คือ
1. เพิ่มการรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค
2. ประชาชนลดการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีผลเสียต่อสุขภาพ 20-35% โดยให้เหตุผลว่า ราคาสูง (80%) และ ห่วงสุขภาพ (20%)
3. ยอดขายในผลิตภัณฑ์ที่ถูกเก็บภาษีลดลง 27%
4. ภาคอุตสาหกรรมมีการปรับสูตรอาหารเพื่อลดภาษี
5. ผลของภาษีมีผลต่อการบริโภคน้ำตาลและเกลือของประชาชนโดยเฉพาะคนที่บริโภคปริมาณสูงอยู่ก่อน

อีกตัวอย่าง คือ ประเทศโปรตุเกส ที่รัฐบาลร่างแผนภาษีในปี พ.ศ.2561 เพื่อนำภาษีที่ได้ไปใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยเสนอเก็บภาษี อาหารสำเร็จรูปในผลิตภัณฑ์ที่มีเกลือสูง เช่น เวเฟอร์ บิสกิต อาหารที่มี cereal เป็นส่วนประกอบ มันฝรั่งแห้งหรือทอด ถ้าเกลือ > 1% ( หรือโซเดียมมากกว่า 400 มิลลิกรัม/100 กรัม) เก็บภาษี 0.8 euro/kg (27 บาทต่อกิโลกรัม) ถ้าเกลือ < 1% (หรือโซเดียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม /100 กรัม) ไม่เสียภาษี

ผศ.นพ.สุรศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า การเก็บภาษีความเค็มในสินค้าในเบื้องต้นนั้น ก็ยึดรูปแบบกับการเก็บภาษีความหวาน โดยมีเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัว เช่น ให้เวลา 3 ปี ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่สามารถลดได้ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีในทันที