ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2562 พร้อมปาฐกถาพิเศษ จัดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจการจัดสรรงบประมาณปี 2562 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมราว 1 พันคน ทั้งผู้แทนหน่วยบริการที่ร่วมบริการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจากสังกัดต่างๆ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยบริการเอกชนเข้าร่วม
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ตลอด 16 ปีที่เรามีหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จากวันนั้นถึงวันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งด้านบวกและลบ แต่ด้วยจิตใจมุ่งมั่นเพื่อทำให้ “ประชาชนมีสุขภาพที่ดี เจ้าหน้ามีความสุข และระบบสุขภาพยั่งยืน” ทำให้เดินมาถึงวันนี้ และช่วง 4 ปีภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี จากที่เคยมีความเห็นต่างได้นำมาสู่ความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบร่วมกัน มีการบูรณการทำงานทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีที่สุดภายใต้งบประมาณที่มีอยู่และบริบทสังคมไทย
ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ปี 2562 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รับงบประมาณจำนวน 181,584 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2561 จำนวน 6,024 ล้านบาท ได้ปรับปรุงและพัฒนาระบบโดยยึดหลักการสำคัญ ทั้งการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นให้กับประชาชน สนับสนุนการบริการของหน่วยบริการที่อยู่ในระบบ และความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายต่างๆ ในระดับพื้นที่
โดยประเด็นที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง อาทิ ปรับให้เบิกจ่ายการตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ตามผลงานจริง กันวงเงินระดับประเทศ 100 ล้านบาท เพื่อเกลี่ยค่าน้ำหนักสัมพันธ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม และการกำหนดอัตราจ่ายคงทั้งปีจำนวน 8,050 บาทต่อ AdjRW, เพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนรวมป้องกัน 5 โรค, เพิ่มการจ่ายค่าบริกาตามผลงานจริงในรายการที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงบริการ และการปรับประสิทธิภาพบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่จะมีการปรับปรุงประกาศฉบับใหม่, เพิ่มวัคซีนพิษสุนัขบ้าในกลุ่มยาจำเป็น, เพิ่มรายการยาตามบัญชียา จ.(2) ได้แก่ ยาราลเท็คกราเวียร์ และยาบีวาซิซูแมบและเพิ่มรายการถุงอุจจาระโคลอสโตมี่เป็นอุปกรณ์และอวัยวะเทียมเพื่อเบิกจ่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้กับผู้ป่วย
นอกจากนี้ปี 2562 ยังได้พัฒนาเพื่อดูแลผู้ป่วย อาทิ การดูแลผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยปรับปรุงบริการเน้นการควบคุมป้องกันภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ขณะเดียวกันยังได้ปรับสัดส่วนการจ่ายชดเชยบริการปฐมภูมิเพื่อสนับสนุนคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster: PCC) เพื่อสนองต่อนโยบายรัฐบาล