Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

นวัตกรรมใหม่ “มาตรการทดแทนปูนเม็ด” ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Onlinenewstime.com : การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อันเกิดจากภาวะก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) เป็นหนึ่งในวิกฤตการณ์ ที่เกิดจากการรวมตัวที่หนาแน่นของก๊าซมีเทนและควันพิษ จากธุรกิจอุตสาหกรรม

สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบ ก่อให้เกิดความร้อนภายในอากาศ ทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น้ำแข็งขั้วโลกละลายตัวอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ประเทศที่เป็นหมู่เกาะและชายฝั่งของทวีป ตลอดจนดินดอนสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำ ที่ใช้เป็นแหล่งสำหรับผลิตอาหาร ก็ต้องจมอยู่ใต้ทะเลไปด้วย

นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่นับวันจะเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดความผันผวนในฤดูกาล เช่น ดูหนาวกลายเป็นฤดูร้อน ฤดูฝนก็ไม่มีเม็ดฝนตกลงมา ทำให้เกษตรรับผลกระทบพืชผลไม่เจริญเติบโต เก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้

จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อันเกิดจากภาวะก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต  จึงเกิดความร่วมมือกันของชาติต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก  เกิดข้อตกลงปารีส หรือ Paris Agreement แห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ที่จะร่วมมือกันรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส

ในส่วนของประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในภาคีสมาชิก ร่วมกับประชาคมโลก ที่จะทำให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น โดยขับเคลื่อนตามแผนที่นำทางลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ระหว่างปี  2564-2573 (Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021-2030: NDC) ที่ครอบคลุมทุกสาขา

ล่าสุด สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย และ สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย และ สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ผนึกกำลังกับ 5 กระทรวง และ 16 หน่วยงาน เพื่อแสดงเจตจำนงขับเคลื่อนร่วมกัน ภายใต้แนวคิด   “Together for our World”  รวมพลังเพื่อโลกของเรา และร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจ

ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือ ในการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์: มาตรการทดแทนปูนเม็ด

นายชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย กล่าวว่าการลดก๊าซเรือนกระจก ไม่ได้เป็นเรื่องการดำเนินการเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเรื่องของทุกคน ทุกภาคส่วนต้องดำเนินการร่วมกัน ทั้งนี้ อยากให้มองว่าการดำเนินการในวันนี้ ท้ายสุดแล้วเป็นผลดีต่อเราทุกคน ลูกหลานของเรา และคนรุ่นต่อๆ ไป

ล่าสุดภาคธุรกิจอุตสาหกรรมได้จัดทำ “มาตรการทดแทนปูนเม็ด” ในสาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ โดยมีความตั้งใจ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนส่งเสริมให้มีการใช้”ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “มาตรการทดแทนปูนเม็ด” ทั้งในส่วนของงานภาครัฐ, ภาควิชาชีพ,ภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษา

เพราะ’ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก’ มีคุณสมบัติ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ หรือ CO2ได้ไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ภายในปี  2565

‘ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินอุตสาหกรรม ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Friendly Industry) ในแวดวงผู้ผลิตปูนซีเมนต์ จึงได้คิดค้นนวัตกรรม เพื่อการก่อสร้างยุคใหม่ ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และได้พัฒนา “ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” ขึ้นมาใช้เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ‘

​การผลิตปูนซีเมนต์จะมีกระบวนการเผาวัตถุดิบ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นปูนเม็ด (Clinker) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มี การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมา ดังนั้นหากใช้ปูนเม็ด ในสัดส่วนที่น้อยลง  ก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา

จากผลวิจัยพบว่า​ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก  เป็นปูนซีเมนต์ ที่มีวิธีการผลิตเช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เพียงแต่มีความแตกต่าง ในด้านส่วนผสมตามคุณลักษณะทางเคมี ทั้งนี้ ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ยังมีคุณลักษณะ เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 2594 ซึ่งคล้ายคลึงกับมาตรฐาน ASTM C1157 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้ใช้งาน

และยังได้มาตรฐาน มอก. 2594 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตต้องควบคุมคุณภาพ ด้านกำลังอัด (Strength) ตามระยะเวลาที่กำหนด และควบคุมการขยายตัวที่อายุ 14 วัน จึงจะสามารถใช้ในงานก่อสร้างทั่วๆ ไป และ งานก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ ที่ต้องการกำลังอัด และความทนทานสูง ได้ เช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์

ความสำเร็จของความร่วมมือนี้ “Together for our World” ทำให้ประเทศไทย ลดการปล่อย CO2 ได้ไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน CO2ในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่า Thailand NDC Roadmap ที่กำหนด การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) สนับสนุน Thailand NDC และข้อตกลงปารีสในการรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก

ทั้งหมดนี้ ถ้าทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ และร่วมใจกันขับเคลื่อน ก็จะทำให้แผนดำเนินงานของประเทศไทยสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ และโลกของเราก็จะน่าอยู่ และยั่งยืนตลอดไป ได้เวลาเปลี่ยน เพื่ออากาศ + ชีวิตที่ดีขึ้น = โลกที่สวยงามน่าอยู่ตลอดไป กันแล้ว

Exit mobile version