Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

บีโอไอมุ่งสร้าง Ecosystem  “ยานพาหนะไฟฟ้า” เปิดให้การส่งเสริมครบวงจร

Concept of Authentic Electric Car Platform Chassis Prototype Standing in High Tech Industrial Machinery Design Laboratory. Hybrid Frame include Tires, Suspension, Engine and Battery.

Onlinenewstime.com : อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่ม S-Curve ที่ไทยต้องการขับเคลื่อนไปพร้อมกับการรักษาสถานะเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนสำคัญในภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  โดยรัฐบาล มีเป้าหมายผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในแต่ละปี หรือ 7.5 แสนคัน ภายในปี พ.ศ. 2573

มาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตยานพาหนะไฟฟ้า เป็นเครื่องมือหนึ่งในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการผลิตดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ จึงได้เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนผลิตยานพาหนะไฟฟ้า ตั้งแต่ปี 2560 และได้ปรับปรุงนโยบาย ให้เข้ากับสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain)

ซึ่งปัจจุบันมีตั้งแต่ การประกอบยานพาหนะไฟฟ้าทุกประเภท ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) แบบไฮบริดผสมผสาน (PHEV) และแบบผสมเสียบปลั๊ก (HEV) จักรยานยนต์ไฟฟ้า สามล้อไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า เรือไฟฟ้า

รวมถึงล่าสุดที่ประชุมบอร์ดบีโอไอเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ได้เพิ่มเติมกิจการรถจักรยานไฟฟ้า (ELECTRIC BICYCLE หรือ E-BIKE) เข้ามาให้การส่งเสริมด้วย เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางด้วยรถจักรยานไฟฟ้า เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น

โดยคาดว่ามูลค่าตลาดรถจักรยานไฟฟ้าทั่วโลก จะขยายตัวจากประมาณ 24,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2564 เป็น 42,270 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2569

สำหรับประเทศไทย ที่มีพื้นฐานอุตสาหกรรมสนับสนุนสามารถรองรับการผลิตรถจักรยานไฟฟ้าได้ดีอยู่แล้ว และการผลิตรถจักรยานไฟฟ้า ยังจะช่วยเพิ่มขนาดของตลาดแบตเตอรี่ในประเทศ เปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้า และเพื่อการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าของไท ยเติบโตได้เร็วขึ้น จึงน่าจะเป็นโอกาสดีที่จะดึงผู้ผลิตรถจักรยานไฟฟ้า ที่ต้องการหาฐานการผลิตใหม่มายังประเทศไทย

นอกจากนี้ บีโอไอยังให้การส่งเสริมใน กิจการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า โดยได้มีการปรับปรุงเพิ่มประเภทชิ้นส่วนที่สำคัญ เช่น  High Voltage Harness, Reduction Gear, Battery Cooling System, Regenerative Braking System เป็นต้น

ตลอดจนการให้ส่งเสริมที่ครอบคลุมถึงกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ซึ่งช่วยสร้าง Ecosystem ที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายดาย และมีความเชื่อมั่นในการใช้งานมากขึ้น

อย่างไรก็ดี เพื่อให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสามารถแข่งขันได้ การผลิตต้องมีความยืดหยุ่น แนวคิดการผลิตแพลตฟอร์มร่วม (Sharing platform) ที่สามารถนำไปใช้งานร่วมกันได้ ระหว่างยานยนต์ไฟฟ้าหลายแบรนด์และรุ่นที่แตกต่างกัน

บีโอไอจึงปรับปรุงกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ให้ครอบคลุมถึง ‘แพลตฟอร์มสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่’ ด้วย ซึ่งจะทำให้บริษัทสตาร์ทอัพ มีโอกาสเข้ามาเป็นผู้พัฒนายานยนต์ไฟฟ้าได้อีกด้วย นอกเหนือจากจำกัดอยู่เฉพาะค่ายรถยนต์รายใหญ่ ซึ่งมูลค่าแพลตฟอร์ม (รวมแบตเตอรี่) สูงถึงร้อยละ 74 ของมูลค่ายานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่

การผลิตลักษณะแพลตฟอร์มร่วม จะช่วยลดปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้ ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย ก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) อันจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง เกิดการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด

สำหรับแพลตฟอร์มฯ ที่จะได้รับส่งเสริมการลงทุนต้องมีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ ระบบกักเก็บพลังงาน หรือ Energy Storage System, Charging Module และ Front & Rear Axle Module

จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มยานพาหนะไฟฟ้านี้จะเห็นได้ว่า บีโอไอให้ความสำคัญกับ การปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และความนิยมของผู้บริโภคที่มุ่งสู่การใช้ยานพาหนะพลังงานสะอาด

อุตสาหกรรมยานพาหนะไฟฟ้า จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อน Ecosystem ของยานพาหนะไฟฟ้า ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับผู้สนใจสามารถศึกษาเรื่องสิทธิและประโยชน์บีโอไอในกิจการต่างๆ ของกลุ่มการผลิตยานพาหนะไฟฟ้าได้ที่ www.boi.go.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 2553 8111 กด 3

Exit mobile version