fbpx
News update

ปั้น “เมืองต้นแบบแบบปลอดการเผา” เดินหน้าพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน

Onlinenewstime.com : สยามคูโบต้า ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จังหวัดอุบลราชธานี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ภายใต้โครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ในจังหวัดอุบลราชธานี ปั้นโมเดล “อุบลราชธานี เมืองต้นแบบปลอดการเผา” มุ่งแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในภาคการเกษตร รวมถึงส่งเสริมระบบบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ภายใต้องค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร สานต่อการพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน

นายวีรพงศ์ วิรบุตร์ ผู้จัดการภาคอีสานอาวุโส – แทรกเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ “ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5” โดยกว่า 50% เกิดจากการเผาในที่โล่ง ซึ่งรวมถึงการเผาในพื้นที่ทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน

สยามคูโบต้าในฐานะผู้นำด้านเครื่องจักรกลการเกษตรในภูมิภาคอาเซียน ได้เล็งเห็นความสำคัญ ในการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงดำเนินโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) เพื่อพัฒนาภาคเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน”

ในปีพ.ศ. 2562 สยามคูโบต้า เกิดแนวคิดในการจัดตั้ง “โครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn)” โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมให้เกษตรกร ทำเกษตรปลอดการเผา ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่ม จากวัสดุเหลือใช้หลังการเก็บเกี่ยว เช่น ฟางข้าว ตอซังข้าว และใบอ้อย

โดยนำนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร (Machinery Solutions) และองค์ความรู้ด้านการเกษตร (Knowledge Solutions) ภายใต้องค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร มาประยุกต์ใช้ เพื่อจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

โครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อทำการเกษตร ในรูปแบบปลอดการเผา สอดคล้องกับเป้าหมายภาครัฐในการลดการเผาในพื้นที่การเกษตรให้เป็นศูนย์ ภายในปีพ.ศ. 2565

สยามคูโบต้าจึงมุ่งเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านการปลอดการเผา ผ่านกิจกรรมรณรงค์และสัมมนาโครงการฯ ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี เชียงใหม่ และมหาสารคาม พร้อมทั้งลงพื้นที่ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งจังหวัดปลอดการเผา ในพื้นที่เกษตรเป้าหมาย 12 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม อุบลราชธานี ศรีสะเกษ เชียงใหม่ เลย หนองคาย ร้อยเอ็ด มุกดาหาร พะเยา กำแพงเพชร สระแก้ว และราชบุรี

โดยมีจังหวัดมหาสารคาม และอุบลราชธานี เป็นจังหวัดต้นแบบ ที่พร้อมนำร่องแนวคิดการทำเกษตรปลอดการเผาแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ   

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่าน สยามคูโบต้าได้นำร่องความร่วมมือ กับจังหวัดมหาสารคาม และได้สานต่อโครงการฯ โดยการร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) จังหวัดอุบลราชธานี ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาคเอกชน ดังเช่น หอการค้า จังหวัดอุบลราชธานี รวมไปถึงผู้แทนจำหน่ายคูโบต้าในจังหวัดอุบลราชธานี

เพื่อผลักดันให้อุบลราชธานี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความพร้อม ที่จะเป็นจังหวัดต้นแบบในการขับเคลื่อนโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ภายใต้แนวคิด “อุบลราชธานี เมืองต้นแบบปลอดการเผา”

“เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในจังหวัดอุบลราชธานีครั้งนี้ ได้วางเป้าหมายในการประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่องค์ความรู้กระบวนการผลิตพืชโดยวิธีปลอดการเผา

รวมถึงส่งเสริมระบบบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และยังตั้งเป้าหมายสร้างแปลงตัวอย่าง ร่วมกับเกษตรกรต้นแบบ ในการส่งเสริมวิธีการทำเกษตรปลอดการเผา เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษ จากฝุ่นละอองในภาคการเกษตร ใน จ. อุบลราชธานีอีกด้วย” นายวีรพงศ์ กล่าว

ด้านนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีประธานในพิธี เปิดเผยว่า “จังหวัดอุบลราชธานี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการริเริ่มณรงค์ลดการเผาในท้องถิ่น โดยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่ เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้เกษตรกรตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จังหวัดอุบลราชธานี  จึงพร้อมร่วมมือกับสยามคูโบต้า ผลักดันโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) เพื่อตอบรับนโยบายงดการเผาในพื้นที่การเกษตรของภาครัฐ มุ่งแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ตั้งเป้าหมายในการลดการเผาในพื้นที่การเกษตร ของจังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2565”

สยามคูโบต้ามุ่งมั่นที่จะผลักดัน ให้แนวคิดการทำเกษตรปลอดการเผา เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย ด้วยการขยายพื้นที่ความร่วมมือโครงการฯ ไปยังทั่วประเทศ เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้และประสบการณ์ ไปปรับใช้และลงมือปฏิบัติจริง กับพื้นที่การเกษตรของตนเอง พร้อมส่งต่อความรู้ ไปยังภาคการเกษตรทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมภาคเกษตรกรรมให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป