onlinenewstime.com : กรมสุขภาพจิต ห่วงกลุ่มวัยรุ่น เยาวชน นักเรียนและนักศึกษา เสี่ยงมีภาวะซึมเศร้า และมีแนวโน้ม การฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น แนะคนรอบข้างป้องกันปัญหา
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์โรคซึมเศร้าในสังคม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญทางสุขภาพ และเป็นโรคใกล้ตัว ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษา อาจรุนแรงจนนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้
จากข้อมูลสถิติขององค์การอนามัยโลก ในปี ค.ศ. 2017 ระบุว่า มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทั่วโลกประมาณ 322 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 4.4 ของประชากรโลก และในประเทศไทย มีข้อมูลการสำรวจความชุก ของโรคซึมเศร้า พ.ศ. 2551 พบว่า มีคนไทยป่วยซึมเศร้า 1.5 ล้านคน
หากพิจารณาตามเพศ และอายุของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า พบว่า ผู้หญิงเสี่ยงป่วย มากกว่าผู้ชาย 1.7 เท่า โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ อยู่ในวัยทำงานอายุ 25 – 59 ปี ร้อยละ 62 รองลงมาเป็นวัยสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 26.5 และเป็นเยาวชนอายุ 15 – 24 ปี ร้อยละ 11.5
ทั้งนี้ แม้ในกลุ่มเยาวชน จะมีสัดส่วนของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า น้อยกว่าในกลุ่มวัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุ แต่นับเป็นปัญหา ที่ต้องให้ความสำคัญ และต้องเร่งแก้ไข เนื่องจากวัยรุ่นเป็นทรัพยากรที่มีค่า ในการพัฒนาประเทศในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น
โดยมีข้อมูลพบว่า ในปี 2560 กลุ่มเยาวชนอายุ 20 – 24 ปี มีอัตราการฆ่าตัวตายที่ 4.94 ต่อประชากรแสนคน และในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 5.33 ต่อประชากรแสนคน
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับการให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ที่พบว่า กลุ่มเยาวชน โทรเข้ามาปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2561 จากการให้บริการปรึกษา ทางโทรศัพท์ทั้งสิ้น 70,534 ครั้ง เป็นกลุ่มเด็กอายุ 11 – 19 ปี 10,298 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 14.6 และเป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 20 – 25 ปี 14,173 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 20.1
สำหรับ 5 อันดับปัญหา ที่พบมากที่สุด ในกลุ่มเด็กและเยาวชน คือ ปัญหาความเครียด หรือวิตกกังวล ปัญหาทางจิตเวช ปัญหาความรัก ปัญหาซึมเศร้า และปัญหาครอบครัว และในช่วง 6 เดือนแรก ของปีงบประมาณ 2562 มีผู้โทรเข้ามาใช้บริการทั้งสิ้น 40,635 ครั้ง เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 11-25 ปี จำนวน 13,658 ครั้ง เมื่อจำแนก ตามประเภทของปัญหา พบว่า สัดส่วนของเด็กและเยาวชน ที่มีปัญหาความเครียดหรือวิตกกังวล ปัญหาความรัก ซึมเศร้า และมีความคิด หรือความพยายามฆ่าตัวตาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โรคซึมเศร้า มีสาเหตุหลัก ที่เกิดจาก ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง และสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจการเงิน ความผิดหวัง ความสัมพันธ์ ความรัก ความสูญเสีย เป็นต้น หากเยาวชนไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้ จะทำให้ทุกปัญหา กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล จนพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้า และคิดทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตายได้
อาการของโรคซึมเศร้า ได้แก่ เศร้า หดหู่ ซึม เบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ มีความคิดอยากตาย สำหรับแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภาวะซึมเศร้า และการฆ่าตัวตายในกลุ่มเด็กและเยาวชนสามารถป้องกันได้ โดยใช้หลัก 3 ส. คือ สอดส่องมองหา ใส่ใจรับฟัง และส่งต่อเชื่อมโยง
นักเรียนนักศึกษา ที่มีความเครียดวิตกกังวล กับปัญหาที่เผชิญอยู่ จะมีผลต่อสมาธิ และความสามารถในการเรียน ซึ่งคนรอบข้าง สามารถสังเกตอาการ และพฤติกรรมที่ผิดปกติ ได้แก่ อาการเหม่อลอย ไม่ร่าเริงแจ่มใส มาเข้าเรียนสาย หรือไม่เข้าเรียน เรียนไม่ทันเพื่อน หลับในห้องเรียน
เมื่อพบเห็นภาวะดังกล่าว คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน อาจารย์ที่ปรึกษา คนใกล้ชิด รวมทั้งครอบครัว ต้องรีบเข้าไปพูดคุย ร่วมกันหาสาเหตุ รับฟังปัญหาอย่างเข้าใจ และใส่ใจ ให้การช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา หรือส่งต่อแพทย์ ได้อย่างทันท่วงที เพื่อเข้ารับการดูแล และรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้อาการดีขึ้น และหายขาดได้ หรือสามารถโทรปรึกษาปัญหา ได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ของกรมสุขภาพจิตตลอด 24 ชั่วโมง