Onlinenewstime.com : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงาน ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตาม 3 นโยบายที่เคยได้มอบไว้ก่อนหน้านี้ โดยผลเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก มีทิศทางการทำงานคืบหน้า โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยี AI การควบรวมขั้นตอนจดทะเบียน และบริการเจาะลึกข้อมูลธุรกิจ
พร้อมกับเดินหน้าโครงการ SMART โชวห่วย และสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ ผลักดันสินค้าไทยไปโลดแล่นบน e-Market ของจีน ประกอบกับสร้างนักรบธุรกิจไซเบอร์รุ่นใหม่ ให้พร้อมแข่งขันบนตลาดออนไลน์ พร้อมฝากทิศทางการเดินหน้าต่อ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจในอีก 3 ด้าน
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ภายหลังการตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้า การดำเนินงานตามนโยบายมอบไว้ใน 3 ด้านหลักได้แก่ 1) การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ 2) การสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก โดยต้องพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย พร้อมสร้างการกระจายรายได้ในท้องถิ่น และ 3) การขยายช่องทางการตลาดแก่ภาคธุรกิจ ทั้งประเภทผู้ผลิตและภาคบริการให้สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ พร้อมกับแข่งขันได้ในต่างประเทศ
รมช.พณ. กล่าวต่อว่า “ในวันนี้ได้รับรายงานจากกรมฯ ถึงความคืบหน้าการดำเนินงาน ตามนโยบายทั้ง 3 ด้าน ซึ่งมีความรุดหน้าจากเดิมไปอย่างมาก และเกิดผลแล้วในหลายด้าน โดยเริ่มจากการพัฒนาระบบให้บริการจดทะเบียนธุรกิจ ที่รวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น
ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย นำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยนายทะเบียนพิจารณาการจองชื่อนิติบุคคล ซึ่งจะลดเวลาเหลือเพียง 2 นาที จากเดิม 20 นาที ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการ และศึกษาแนวทางการพัฒนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในปี 2563
รวมไปถึงขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อลดขั้นตอนการจดทะเบียนให้สั้นลง ด้วยการควบรวม 3 ขั้นตอน ได้แก่ การจดทะเบียนธุรกิจ การขึ้นทะเบียนนายจ้างลูกจ้าง และการจดทะเบียนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในขั้นตอนเดียว
ผู้ประกอบธุรกิจ สามารถดำเนินการจดทะเบียนทั้งหมดนี้ได้ ตั้งแต่ขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจ ณ หน่วยให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง และจัดเตรียมเอกสารจำนวนมาก สำหรับบริการนี้ มีกำหนดจะให้บริการตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังได้ต่อยอดโปรแกรมบริการข้อมูลธุรกิจ DBD Datawarehouse+ ให้สามารถวิเคราะห์โอกาส และความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้ละเอียด ถึงระดับรายพื้นที่ กลุ่มและขนาดของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและประชาชน มีข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น”
“การส่งเสริมธุรกิจรายเล็กให้แข็งแรง ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการ Smart โชวห่วย ล่าสุดได้รับเสียงตอบรับจากร้านโชวห่วยเป็นอย่างดี มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว กว่า 5,000 ราย ภายในช่วงเวลา 2 เดือน
รวมถึงได้จัดทำแผนพัฒนาร้านค้าส่งค้าปลีกทั่วประเทศ และในเดือนนี้ จะเข้าสู่การลงมือปรับภาพลักษณ์ร้านค้า ขยายบริการเสริม และนำสินค้าชุมชนมาจำหน่ายในร้าน เพิ่มรายได้ให้กับร้านโชวห่วยและธุรกิจในชุมชน
และที่สำคัญคือการนำเทคโนโลยี มาช่วยบริหารจัดการร้านค้าให้เป็นระบบ คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนสินค้าคงคลังได้ถึงร้อยละ 5-10
สำหรับการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบธุรกิจ ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยและจีน ในการจัดทำบันทึกความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมการค้าแบบทวิภาคี และนำสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์ม e-Marketplace ของจีน โดยได้รับรายงานว่า กำลังรอผลการพิจารณาจากกรมสนธิสัญญาและกฎหมายก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป
ทั้งนี้ ยังได้ดำเนินการโครงการ Young Digital Warrior เพื่อป้อนธุรกิจเข้าสู่ช่องทางการตลาดออนไลน์ โดยได้ให้ความรู้การทำธุรกิจ e-Commerce กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปแล้วจำนวน 1,500 รายทั่วประเทศ”
“สุดท้ายนี้ ได้มอบทิศทางการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในอนาคตไว้ 3 ด้าน คือ 1) การต่อยอดบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ให้สอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้บริการที่มีจำนวนมากขึ้น 2) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของภาคธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เร่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจภายในประเทศ รองรับการค้ายุคใหม่ และ 3) เร่งสร้างต้นแบบธรรมาภิบาลให้แก่ภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้นำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการประกอบธุรกิจมากขึ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และดึงดูดการลงทุนเข้ามาสู่ประเทศไทยซึ่ งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน