Onlinenewstime.com : ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 30 ล้านคน และกำลังเร่งฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนทั่วประเทศ หลายคนยังคงมีข้อกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 และอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน อย่างภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือ VITT (Vaccine-Induced Immune Thrombotic Thrombocytopenia)
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นภชาญ เอื้อประเสริฐ สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในคนปกติ ซึ่งโรคหลอดเลือดแดงที่หัวใจอุดตัน หลอดเลือดแดงที่สมองอุดตัน และหลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน เป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบบ่อยที่สุด 3 ลำดับแรกในประชากรทั่วไป
โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดง ที่หัวใจและสมอง ซึ่งเป็นภาวะที่พบบ่อยที่สุด มีหลายประการ ได้แก่ ความสูงอายุ ความอ้วน การสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และปัจจัยทางพันธุกรรม
ขณะที่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ขา เป็นภาวะหลอดเลือดดำอุดตันที่พบบ่อยที่สุด ปัจจัยเสี่ยงสำคัญได้แก่ สูงอายุ อ้วน การไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน มะเร็ง ฮอร์โมนเพศหญิง (ยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์) และปัจจัยทางพันธุกรรม
“สำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 นั้น มีความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน สูงกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า โดยจากการศึกษาแบบ meta-analysis ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Thorax ปี 2021 โดยรวบรวมรายงานการศึกษาต่างๆ 102 การศึกษา พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 เกิดหลอดเลือดดำอุดตันสูงถึงร้อยละ 15 และเพิ่มสูงถึงร้อยละ 23 ในผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาใน ICU
ขณะที่พบผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะหลอดเลือดแดงอุดตัน ประมาณร้อยละ 4 นอกจากนี้ยังพบว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ป่วยโควิด-19 มีความรุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิต สูงกว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันในประชากรทั่วไป” รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นภชาญ กล่าว
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 คืออะไร
ในขณะที่วัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดมีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตาม มีรายงานการเกิดหลอดเลือดดำที่สมองอุดตัน ร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดเวกเตอร์อะดีโนไวรัส (Adenoviral vectors) ในระยะเวลา 5-30 วัน โดยจะมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำน้อยกว่า 150,000/µL ร่วมกับหลอดเลือดอุดตัน
เรียกภาวะนี้ว่า ภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน หรือ vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia (VITT)
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นภชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ภาวะดังกล่าวจะมีความรุนแรง แต่ก็เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก จากการศึกษา ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกา (Journal of American College of Cardiology 2021) พบว่า โอกาสการเกิดหลอดเลือดดำที่สมองอุดตัน ภายหลังฉีดวัคซีนเท่ากับ 3.6 ต่อ 1,000,000 คน
ในขณะที่โอกาสเกิดหลอดเลือดดำสมองอุดตัน จากการเป็นโรคติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 207 ต่อ 1,000,000 คน ซึ่งความเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดดำที่สมองอุดตันจากการเป็นโควิด-19 นี้ มากกว่าความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนถึง 70-200 เท่า”
โอกาสของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีน
การฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิด ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันทั้งหลอดเลือดแดงหัวใจ หลอดเลือดแดงสมอง และหลอดเลือดดำที่ขา เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในประชากรทั่วไป สำหรับภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน หรือ VITT นั้นพบว่าโอกาสเกิดน้อยกว่า 1 ใน 100,000 โดสของการฉีดวัคซีนในประชากรยุโรป
อย่างไรก็ตามข้อมูลจากประเทศอินเดียพบโอกาสของการเกิด VITT มีน้อยกว่า 1 ใน 1,000,000 โดส และสำหรับประเทศไทย พบโอกาสเกิด VITT น้อยกว่า 1 ใน 2,000,000 โดส
“การเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดซีนโควิด-19 ส่วนใหญ่ จึงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดร่วม (coincidence) โดยมักเกิดจากโรคประจำตัว หรือปัจจัยเสี่ยงของผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยที่บางครั้ง ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง เป็นต้น” รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นภชาญ เสริม
“ดังนั้น แม้จะเป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่รุนแรง แต่ก็ไม่ใช่ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องวิตกกังวลสำหรับการรับวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากโอกาสพบต่ำมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ควรควบคุมโรคประจำตัวของตนเองให้ดี รับประทานยาและตรวจติดตามสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากโรคประจำตัวของตัวเอง มากกว่าการป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีน”
วิธีสังเกตอาการภาวะการเกิดลิ่มเลือดด้วยตัวเอง
อาการทั่วไปที่เกิดตามหลังการฉีดวัคซีนเช่น เป็นไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ชาปลายนิ้วมือ หรือปวดตึงแขนด้านที่ฉีดยา มักจะหายไปเองภายใน 48-72 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ดังนั้นหากมีอาการปวดศีรษะ ตามัว แขนขาอ่อนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ขาบวม เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบผิดปกติ เกิน 3 วันหลังฉีดวัคซีน หรือเป็นอาการที่เกิดใหม่หลังฉีดวัคซีนในระหว่าง 5-30 วันควรไปปรึกษาแพทย์
“ปัจจุบัน โอกาสเสียชีวิตจากการเป็นโรคติดเชื้อโควิด-19 สูงถึงร้อยละ 1-2 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยงของการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างมากนับพันเท่า การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด จึงมีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อตัวเองในการป้องกันการติดเชื้อ หรือลดความรุนแรงของการติดเชื้อ รวมทั้งลดอัตราการเสียชีวิต
ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในหมู่ประชากร ควบคุมการติดเชื้อ และภาระต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ นอกจากนี้ จากการศึกษาในประเทศอิสราเอลพบว่า การติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันและการเกิดเลือดออกรุนแรงเช่นในสมอง สูงกว่าการฉีดวัคซีนอย่างมาก ดังนั้น นอกจากการฉีดวัคซีน จะเป็นการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังลดโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย” รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นภชาญ กล่าวทิ้งท้าย