Onlinenewstime.com : ลำไยเป็นผลไม้เศรษฐกิจไทย มีการปลูกอยู่ในพื้นที่ 32 จังหวัดของประเทศไทย ในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
ชุดข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี ระหว่างปี 2558 – 2562 จากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า 10 อันดับของจังหวัดที่มีผลผลิตลำไยมากที่สุด เรียงตามลำดับ คือ จันทบุรี เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย สระแก้ว พะเยา น่าน ตาก เลย ลำปาง แต่ยกเว้นในปี 2562 ที่ผลผลิตลำไยของจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 286,085 ตัน มากกว่าจังหวัดจันทบุรี ที่มีผลผลิตเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมาหลายปี โดยในปี 2561 มีผลผลิตลำไย 279,609 ตัน
ฤดูกาลของลำไยจะมีผลผลิตออกมาในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนของทุกปี และสำหรับในปี 2563 นี้ ช่วงเวลาที่จะมีผลผลิตออกมามากที่สุดนั้น จากการเปิดเผยข้อมูลของ นายพลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ผลผลิตลำไยของแหล่งผลิตหลัก 8 จังหวัดภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ น่าน) จะมีผลผลิตมากที่สุดของปี 2563 ในช่วงเดือนสิงหาคม ประมาณการที่ 225,127 ตัน
ในด้านของราคาขายลำไยเกรด A ต่อกิโลกรัม ชุดข้อมูลฯช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงตัวเลขราคาขายสูงสุด อยู่ที่ 44.24 บาท ต่อกิโลกรัมในปี 2559 และในปีถัดมา ปี 2560 มีราคาขายต่ำสุด คือ 18.50 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับในปี 2563 เป็นอีกปีที่ลำไยประสบกับสภาวะราคาตกต่ำ โดยข้อมูลล่าสุดเดือนกรกฎาคม ระบุว่า ลำไยเกรด A มีราคาขายต่ำสุดอยู่ที่ 19.50 ใกล้เคียงกับราคาขายต่ำสุดในรอบ 5 ปีอีกครั้ง
กลไกราคาในตลาดของลำไยที่มีราคาขายลดลง สอดคล้องกับผลผลิตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากฐานตัวเลขปี 2558 มีผลผลิตรวม 9. 17 แสนตัน ขยับเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.06 ล้านตันในปี 2562 คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นปีละ 1.6 หมื่นตันทุกปีอย่างต่อเนื่อง
ด้วยพฤติกรรมของคนไทยที่มีการซื้อ-ขายสินค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งในยุคของการขนส่งพัสดุด่วน ที่มีการแข่งขันให้บริการส่งของที่มีราคาถูกกว่าคู่แข่ง นับว่าเป็นตัวช่วยที่เข้ามาทำให้เกษตรกรชาวสวนลำไย สามารถระบายผลผลิตจากสวนให้ถึงมือลูกค้าผู้บริโภคโดยตรงได้เอง ถือเป็นวงจรการขายลำไยที่พึ่งพาตนเอง ไม่ต้องผ่านระบบขั้นตอนการซื้อขายที่มีคนกลางเช่นอดีตที่ผ่านมา