Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ…. “ฉลุย” มติเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมาย

cyber law

onlinenewstime.com : การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เป็นพิเศษ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.62 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ…. เป็นกฎหมาย เพื่อปรับโครงสร้างกรรมการให้กระชับพร้อมรับมือภัยไซเบอร์อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เป็นพิเศษ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ… ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้วโดยมีทั้งสิ้น 80 มาตรา แก้ไข 60 มาตรา เพิ่ม 6 มาตรา และตัดออก 3 มาตรา ซึ่งนางเสาวณี สุวรรณชีพ ประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า ปัจจุบันมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ 

ดังนั้นร่างกฎหมายนี้จะเข้ามาดูแลการดำเนินงานภารกิจให้มีประสิทธิภาพ การดูแลความปลอดภัยอย่างถูกต้องและรวดเร็วเป็นมาตรฐานสากล 

คณะกรรมาธิการฯ จึงปรับแก้หลายจุดให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยให้คณะกรรมการฯ มีความคล่องตัวในการดำเนินการ จึงปรับโครงสร้างคณะกรรมการให้กระชับและไม่ซ้ำซ้อน เพื่อสามารถดำเนินการป้องกันหรือรับมือภัยไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที เพื่อรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศและมีแผนปฏิบัติการ รวมถึงมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ สมาชิก สนช. อภิปรายตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับเรื่องคณะกรรมการฯ ที่มีการปรับโครงสร้างจากเดิม 4 ชุด เหลือ 3 ชุด และปรับสัดส่วนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รวมถึงรัฐมนตรีต่างๆ ออกจากกรรมการ 

ซึ่งกรรมาธิการ ชี้แจงว่า การแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์ต้องการความรวดเร็ว จึงยุบรวมกรรมการเหลือ 3 ชุด 

อีกทั้งคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ที่ตัดสัดส่วนของรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐมนตรีอื่นๆ ออก เพื่อให้การออกหลักเกณฑ์ มาตรการ ระเบียบจัดการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว มีหน้าที่รับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับต่างๆ โดยกำหนดระดับความร้ายแรงของปัญหา 3 ระดับ คือ ไม่ร้ายแรง ร้ายแรง และวิกฤต เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยหลังพิจารณารายมาตราในวาระ 2 เสร็จที่ประชุมลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนน 133 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และงดออกเสียง 16 เสียง

Exit mobile version