fbpx
News update

ลอรีอัลประกาศวิสัยทัศน์เพื่อความยั่งยืนปี 2030 “L’Oréal for the future”

Onlinenewstime.com : บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เผยวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อความยั่งยืน “L’Oréal for the future” ตั้งเป้าหมายกับพันธสัญญาล่าสุดสำหรับปี 2030

ลอรีอัล กรุ๊ป เผยวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อความยั่งยืน “L’Oréal for the future” ตั้งเป้าหมายกับพันธสัญญาล่าสุดสำหรับปี 2030 มุ่งยกระดับเร่งการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน โดยคำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกเป็นที่ตั้ง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมโลก ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ตอกย้ำพันธสัญญาของบริษัท ด้านความยั่งยืนและส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม พร้อมริเริ่มการแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการตรวจสอบ เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน

นายฌอง-พอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า “การพลิกโฉมการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของลอรีอัล กำลังก้าวเข้าศักราชใหม่ ปัญหาหลายอย่างที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ณ ปัจจุบันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเร่งยกระดับการทำงานบริษัทฯ เพื่อร่วมช่วยรักษาโลกให้ปลอดภัยเพื่อมนุษยชาติ จึงเป็นภารกิจสำคัญ

ทั้งนี้ ลอรีอัล จะดำเนินงานทั้งในส่วนธุรกิจของเราเอง และส่วนการช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในภาพรวม
เราทราบดีว่า ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกำลังคืบคลานเข้ามา บริษัทฯ จึงต้องยึดมั่นในเป้าหมาย ในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก เป็นที่ตั้งอย่างเคร่งครัด”

การปฎิรูปธุรกิจของลอรีอัลเพื่อไม่ละเมิด “ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก” (planetary boundaries)

“ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก” นั้นมีข้อจำกัด หากถูกละเมิด จะเป็นอันตรายต่อสภาวะความเหมาะสมของโลกสำหรับการอยู่อาศัยและพัฒนาการของมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เห็นพ้องอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า [1] ในช่วงทศวรรษต่อๆ จากนี้ เราจำต้องให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวเป็นลำดับต้นๆ เพื่อมนุษยชาติ

ลอรีอัลจึงได้ตั้งเป้าหมาย ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ให้อยู่ภายใต้ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกดังกล่าวให้สำเร็จ

ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้กำหนดเป้าหมายใหม่สำหรับปี 2030 เพื่อรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย กำหนดเป้าหมาย บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative) [2] พร้อมยกระดับแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญอีกสามประการ ได้แก่ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน

โดยลอรีอัลจะไม่เพียงมุ่งลดผลกระทบ ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงเท่านั้น แต่ยังต้องการลดผลกระทบของกิจกรรมทั้งหมดทั้ งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเออร์และผู้บริโภคของบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินธุรกิจนั้นคำนึงถึงโลกที่มีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัด และเป็นธรรมต่อชุมชนที่บริษัทฯ ทำงานด้วย

นางอเล็กซานดรา พัลต์ รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความรับผิดชอบขององค์กร ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า “ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ลอรีอัลได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก และนำความยั่งยืนมาเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ ด้วยพันธสัญญาใหม่นี้ บริษัทฯ ได้ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง ที่ไม่เพียงแต่มุ่งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากการทำงานของให้มากยิ่งขึ้น แต่ยังสนับสนุนให้ผู้บริโภค มีข้อมูลในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมความงาม ลอรีอัลเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของเรา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างสังคม เพื่อการอยู่ร่วมกันและยั่งยืนต่อไป”

เป้าหมายสำคัญที่ลอรีอัลกำหนดบนพื้นฐานการทำงานภายใต้ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก ได้แก่

  • ภายในปี 2025 โรงงานและศูนย์กระจายสินค้าของลอรีอัลทุกแห่ง ต้องไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ (carbon neutral) ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้พลังงานทดแทน 100%
  • ภายในปี 2030 พลาสติกใช้ในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ลอรีอัลทั้งหมด 100% จะมาจากพลาสติกรีไซเคิล หรือ จากแหล่งวัสดุชีวภาพ
  • ภายในปี 2030 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแต่ละผลิตภัณฑ์สำเร็จลง 50% เมื่อเทียบกับปี 2016

สนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น

ลอรีอัลคำนึงว่า การสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนตลอดระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่รวมถึงคู่ค้า ผู้ผลิต และผู้บริโภค เป็นส่วนหนึ่งในความรับผิดชอบของบริษัทในการดำเนินงาน

ลอรีอัลได้พัฒนาการแสดงข้อมูล ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคกว่า
1.5 พันล้านคนทั่วโลก ตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยการแสดงข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมดังกล่าวมีคะแนนระดับ A ถึง E

“A” หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ “มีความเป็นเลิศด้านความยั่งยืนมากที่สุด” ในแง่ของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถตรวจสอบได้บนหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ โดยระดับคะแนนดังกล่าว ได้การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และรับรองข้อมูลโดย บูโร เวอริทัส เซอร์ทิฟิเคชั่น (Bureau Veritas Certification) หน่วยงานด้านการตรวจสอบอิสระระดับโลก

โดยแบรนด์แรกที่จะมีการแสดงข้อมูลนี้ คือผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ของแบรนด์การ์นิเย่ ซึ่งนับเป็นแบรนด์ความงามอันดับสามของโลก และเป็นผู้นำในตลาดที่ประเทศฝรั่งเศส โดยการแสดงข้อมูลนี้ จะทยอยขยายการดำเนินงานไปยังประเทศอื่น รวมถึงแบรนด์อื่นๆ และทุกหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลต่อไป

ช่วยแก้ไขปัญหาเร่งด่วนระดับโลกด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยการสนับสนุนเงินทุน

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลอรีอัลได้ประกาศแผนการช่วยเหลือปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมเร่งด่วน ด้วยการจัดสรรงบประมาณ150 ล้านยูโร (ประมาณ 5.2 พันล้านบาท) โดยงบประมาณดังกล่าว จะถูกนำไปใช้แก้ไขปัญหาต่างๆ ดังนี้

  • 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3.5 พันล้านบาท) สำหรับการให้ทุนเพื่อจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดย 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1.7 พันล้านบาท) จะเป็นเงินทุนสำหรับโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลและป่าไม้ที่เสียหาย ผ่านกองทุน L’Oréal Fund for Nature Regeneration[3] ซึ่งดำเนินการโดย Mirova บริษัทในเครือของ Natixis Investment Managers ส่วนอีก 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1.7 พันล้านบาท) จะใช้ในการให้ทุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน
  • ช่วยเหลือสตรีผู้ด้อยโอกาส โดย ลอรีอัลจึงได้ตั้งกองทุนบริจาคเพื่อการกุศลอีก 50 ล้านยูโร (ประมาณ
    1.7 พันล้านบาท) เพื่อช่วยสนับสนุนองค์กรภาคสนามและองค์กรการกุศลท้องถิ่นในการต่อสู้กับความยากจน ช่วยเหลือสตรีให้สามารถประสบความสำเร็จในสังคมและวิชาชีพ ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ผู้ลี้ภัยและผู้พิการสตรี และป้องกันความรุนแรงต่อสตรีและช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบ

การดำเนินงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย

ลอรีอัล ประเทศไทย มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืน ในการดำเนินงานตามแนวทางบริษัทแม่ เพื่อช่วยบรรลุเป้าหมายภาพรวมที่กำหนดไว้ทั้งในแง่ของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

ในด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2017 ลอรีอัล ประเทศไทย ได้เปิดศูนย์กระจายสินค้าสีเขียวของลอรีอัล แห่งแรกในเอเชีย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน LEED ระดับ Silver โดยศูนย์กระจายสินค้า ได้ลดการใช้พลังงานและน้ำ พัฒนาระบบขนส่ง ริเริ่มโครงการรีไซเคิล และดำเนินการพัฒนาศูนย์ฯ ให้เป็นมิตรและลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

ด้านการช่วยเหลือและพัฒนาสังคม ลอรีอัล ประเทศไทย ได้ดำเนินการโครงการที่แข็งแกร่ง ในการช่วยเหลือผู้คนในชุมชนที่ด้อยโอกาส ให้มีโอกาสได้รับการจ้างงาน ผ่านโครงการจัดหาจัดจ้าง เพื่อผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Solidarity Sourcing) และ โครงการสอนทักษะอาชีพเสริมสวยแก่ผู้ด้วยโอกาส (Beauty For a Better Life)

นอกจากนั้น ลอรีอัล กรุ๊ป ยังได้จัดซื้อน้ำมันรำข้าวหอมมะลิที่ ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิวหนัง จากเกษตรกรในประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับ 4 สหกรณ์ในภาคอีสาน ที่เกษตรกรรายย่อย ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการค้าอย่างเป็นธรรม สนับสนุนขีดความสามารถของคนในชุมชน และพัฒนาระบบวนเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบ ที่ช่วยสร้างสมดุลคาร์บอนอีกด้วย โดยจากทุกโครงการที่กล่าวมา มีผู้ได้รับผลการช่วยเหลือในประเทศไทยราว 1,200 คน

นอกจากนี้ในส่วนผู้บริโภคในไทย จะได้มีโอกาสในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงาม ที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลที่นำมาจัดจำหน่ายในประเทศไทย ล้วนได้รับการพัฒนา ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านส่วนผสมทางชีวภาพ บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิลหรือวัสดุชีวภาพ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ของผู้บริโภคได้

นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โลกกำลังเผชิญหน้ากับปัญหา ที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญและเดินหน้าแก้ไขอย่างเร่งด่วน เราจะมุ่งให้ความสำคัญ กับการสนับสนุนชุมชน ส่งเสริมความยั่งยืน และการมีส่วนร่วม กับระบบนิเวศการดำเนินธุรกิจของเราในประเทศไทย และแสดงให้เห็นว่าเราสามารถเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยแก้ไขความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญอยู่ได้

นางอินเนส คาลไดรา

เรามุ่งเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ทั้งในอุตสาหกรรมความงามและอุตสาหกรรมอื่นๆ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคและทุกภาคส่วน ให้ร่วมกันเดินหน้าปกป้องโลกใบนี้”

รศ.ดร. สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ทูตแห่งมหาสมุทรเพื่อความยั่งยืนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “‘ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก เป็นการประเมินถึงศักยภาพของโลก ในการรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีกิจกรรมมากมาย ที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และกำลังจะก้าวข้ามขีดจำกัดความปลอดภัยมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อมนุษย์

รศ.ดร. สุชนา ชวนิชย์

สิ่งสำคัญคือขีดจำกัดความปลอดภัยดังกล่าวนั้น มีขอบเขตและต้องได้รับการแก้ไขร่วมกัน ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้ว ที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ผู้ผลิต รวมทั้งผู้บริโภคเอง ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนภายในปี 2030 เพื่อความเป็นอยู่อย่างยั่งยืนของทุกคนและโลกใบนี้”

เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของลอรีอัล

ลอรีอัลตระหนักถึงการตอบสนองต่อความท้าทาย ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว ในฐานะบริษัท ที่มีอุตสาหกรรมการผลิต ลอรีอัลได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม โดยการให้ความสำคัญและดำเนินการจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโรงงาน และศูนย์กระจายสินค้าเป็นลำดับแรก โดยการเปลี่ยนแปลงช่วงแรก ได้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ด้วยผลการดำเนินงานดังนี้

  • ตั้งแต่ปี 2005 บริษัทฯ ได้ลดการปล่อยก๊าซคอร์บอนไดออกไซด์ของโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าลงถึง 78% เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2020 ที่ตั้งไว้ 60% ในขณะที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 37% ในช่วงเวลาเดียวกัน
  • ปลายปี 2019 ลอรีอัลมีโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิออกสู่ชั้นบรรยากาศ (ใช้พลังงานทดแทน 100%) ถึง 35 แห่ง โดยเป็นโรงงานถึง 14 แห่ง

ในปี 2013 ลอรีอัล ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ความงาม เปิดตัววิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนระดับโลก ปี 2020 “แบ่งปันความงามให้ทุกสรรพสิ่ง” หรือ “Sharing Beauty With All” โดยมีแกนหลักของวิสัยทัศน์คือ นวัตกรรม SPOT (เครื่องมือประเมินเพื่อพัฒนาความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์) ในการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของผลิตภัณฑ์ในทุกแบรนด์ โดยการพัฒนาอย่างยั่งยืน ได้ถูกควบรวมเข้ากับกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯ ตั้งแต่เริ่มต้นคิดค้นผลิตภัณฑ์

  • 85% ของผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นใหม่หรือปรับสูตรในปี 2019 ได้รับการพัฒนาคุณลักษณะให้เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคมมากขึ้น
  • ในปี 2019 ลอรีอัลได้ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสจำนวน 90,635 คน ให้มีโอกาสในการทำงานผ่านโครงการจัดหาอย่างมีจริยธรรม
  • ลอรีอัลเป็นบริษัทฯ เดียวในโลกที่ได้รับผลการประเมินเกรด “A”  จากการจัดอันดับ CDP องค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ด้านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวม 3 ด้าน คือ การปกป้องสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำ และการอนุรักษ์ป่าไม้ ต่อเนื่องกัน 4 ปีซ้อน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของลอรีอัลตาม ลิงค์


[1] แนวคิด ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก นิยามขึ้นในปี 2009 โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมและระบบโลกกลุ่มหนึ่งจาก Stockholm Resilience Centre และมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย

[2] โครงการกำหนดเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative) เกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างโครงการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนไดออกไซด์ กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ สถาบันทรัพยากรแห่งโลกและองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล เพื่อสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซเสีย สอดคล้องกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศระดับโลกในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

[3] กองทุน L’Oréal Fund for Nature Regeneration เป็น “Other Alternative Investment Fund” ตามคำจำกัดความของมาตรา L. 214-24 III ของ The French Monetary and Financial Code และจะจัดตั้งขึ้นในรูปแบบของ บริษัทรวมทุน ที่มีเงินทุนผันแปร กองทุน L’Oréal Fund for Nature Regeneration เป็นกองทุนสำหรับลอรีอัล และ บริษัทในเครือโดยเฉพาะ และจะไม่ทำการตลาดกับบุคคลที่สามหรือมีการสมัครเป็นสมาชิกโดยบุคคลที่สาม นอกจากนี้ เอกสารนี้ไม่ถือเป็นการ “เสนอขายหลักทรัพย์ต่อสาธารณชน” ภายใต้ความหมายของ EU Regulation 2017/1129 (“Prospectus Regulation”)