Onlinenewstime.com : ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โดยมียอดขายมูลค่า 7.61 พันล้านยูโร ในอัตราเติบโต 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว [1] แม้ว่าจะต้องเผชิญกับวิกฤตจากโควิด-19 และมาตรการที่เกี่ยวข้องในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปตะวันตก นอกจากนี้ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมีการขยายตัว 47.2% [2] โดยคิดเป็นสัดส่วน 26.8% ของยอดขาย ซึ่งภาพรวมการเติบโตดังกล่าวดีกว่าตลาดโดยรวมอย่างเห็นได้ชัดเจน และทางบริษัทจะเร่งการเติบโตต่อไป
แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง และผลิตภัณฑ์เวชสำอาง มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยธุรกิจทุกแผนกดังกล่าว ขยายตัวขึ้นในอัตราเลขสองหลัก แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ขณะที่การขยายตัวของแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จจากแบรนด์สกินแคร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะลังโคม คีลส์ และเฮเลน่า รูบินสไตน์ ส่วนผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ยังคงต่อยอดการเติบโตที่แข็งแกร่งในปีที่แล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคก็มีความเสถียรภาพ แต่ยังถูกฉุดรั้งจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพซึ่งยังคงซบเซาอยู่
ทุกภูมิภาคมียอดขายที่สูงขึ้น ยกเว้นยุโรปตะวันตก ที่ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการที่เกี่ยวพันกับวิกฤตด้านสุขภาพ โดยอเมริกาเหนือ มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมทั้งส่วนออนไลน์ และออฟไลน์ และทุกโซนในตลาดใหม่ มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% [1] โดยเฉพาะในโซนเอเชียแปซิฟิก ที่กลับมาเติบโตได้เทียบเท่ากับอัตราการขยายตัวในช่วงระยะเวลาก่อนที่จะเกิดโรคระบาด ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยได้แรงสนับสนุนอย่างชัดเจนที่สุด จากตลาดจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
“ในขณะที่สถานการณโควิด-19 มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างมาก เนื่องจากโครงการฉีดวัคซีนนั้น ด้วยพันธะสัญญา และความมุ่งมั่นของทีมงานของลอรีอัลจากทั่วทุกมุมโลก เราจึงมีกำลังใจในการต่อสู้ เพื่อเติบโตธุรกิจ เราเน้นให้ความสำคัญกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และการลงทุนในปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ต่างๆ เราจึงเชื่อมั่นในความสามารถของบริษัท ที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นเหนือกว่าตลาด รวมทั้งการมียอดขายและผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอีกปี” นายฌอง-ปอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าว
ในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ลอรีอัล นำหลักความโปร่งใสที่เป็นหลักในการทำงาน มาสื่อสารกับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถสะท้อนคุณค่าที่ผู้บริโภคยึดมั่น โดยมีการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ “Inside Our Products” เพื่อให้ข้อมูลที่ตอบข้อสงสัยของผู้บริโภค เกี่ยวกับส่วนผสมที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งครอบคลุมส่วนผสมเกือบ 1,000 รายการ
รวมทั้งข้อมูลวิธีการทดสอบ เพื่อประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ที่ใช้นวัตกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับสัตว์ โดยใช้โครงสร้างผิวหนังจำลองเสมือนจริงในการทดสอบ และไม่ทดลองกับสัตว์
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลระบบบริหารจัดการคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นคอนเซปต์ของผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด เพื่อทดสอบและรับรองคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยตลอดระยะเวลาของอายุผลิตภัณฑ์ 3 ปี นับจากเดือนปีที่ผลิต
ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามแผนกธุรกิจ [1]
- ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพมียอดขายเพิ่มขึ้น 21.0%
- ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคมียอดขายลดลง 0.7%
- ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 14.6%
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมียอดขายโตขึ้น 28.7%
ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามโซนภูมิภาค [1]
- โซนยุโรปตะวันตกมียอดขายลดลง 2.4%
- โซนอเมริกาเหนือมียอดขายเพิ่มขึ้น 6.3%
- โซนตลาดใหม่
- เอเชียแปซิฟิกมียอดขายเพิ่มขึ้น 23.8%
- จีนมียอดขายเพิ่มขึ้น 37.9%
- ละตินอเมริกามียอดขายเพิ่มขึ้น 15.1%
- ยุโรปตะวันออกมียอดขายเพิ่มขึ้น 10.7%
- แอฟริกาและตะวันออกกลางมียอดขายเพิ่มขึ้น 12.7%
[[1]] เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว: อิงตามขอบเขตของทั้งกลุ่มที่เปรียบเทียบได้ และอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
[[2]] ยอดขายที่เกิดขึ้นผ่านเว็บไซต์ของแบรนด์ + ยอดขายประมาณการณ์ที่แบรนด์ทำได้ ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซของร้านค้าปลีกของเรา (ข้อมูลที่ยังไม่สอบบัญชี)