fbpx
News update

สขค. จับตา 3  กลุ่มแพลตฟอร์มออนไลน์ เสี่ยงใช้อำนาจ “เหนือตลาดต่อคู่ค้า” หลังมีแนวโน้มเรื่องร้องเรียนสูง

Onlinenewstime.com : สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) เฝ้าระวังสถานการณ์การแข่งขันทางการค้า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ 3 กลุ่ม ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ได้แก่ 1. แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ 2. แพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์ 3. แพลตฟอร์มบริการขนส่ง หลังพบว่ามีพฤติกรรม ที่อาจเข้าข่ายการใช้อำนาจเหนือตลาดจำนวนเพิ่มขึ้น และได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีผู้ประกอบธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเพิ่มมากขึ้น

พร้อมกันนี้ได้เร่งพัฒนาแนวทางปฏิบัติ (Guideline) ในการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าของกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ซึ่ง สขค. ได้ดำเนินการแล้วคือ การออกประกาศแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหารกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และติดตามพฤติกรรมของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิด พ.ร.บ. แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 อย่างใกล้ชิด

นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างรุนแรง ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินชีวิต และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป

ทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์ เข้ามามีบทบาทสำคัญ ต่อรูปแบบการซื้อขายสินค้าและบริการ เนื่องจากเป็นช่องทางที่รองรับได้ทั้งการค้าปลีก ค้าส่ง การบริการ การท่องเที่ยว ฯลฯ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

นอกจากนี้ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจหลายราย ก็จำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อเอาตัวรอด ด้วยการเข้าสู่ช่องทางดังกล่าว แต่ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจรายเล็ก ที่ไม่มีความสามารถมากพอในการแข่งขัน ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกแย่งตลาดโดยรายใหญ่ ที่มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่มากกว่า นำมาซึ่งการมีโครงสร้างตลาด ที่ขาดความสมดุลและมีแนวโน้มการผูกขาด ซึ่งจะนำไปสู่การใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) มีการติดตามพฤติกรรมธุรกิจให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 3 ประเภทแพลตฟอร์ม ที่ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤต COVID-19 ได้แก่ 1. แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) 2. แพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery)  3. แพลตฟอร์มบริการขนส่ง (E-logistic) โดยพบว่า มีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการการใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม มีดังนี้

  • แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ เช่น การกำหนดเงื่อนไขในการจำกัดทางเลือกในการขนส่งสินค้า การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการโฆษณา หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มสูงขึ้น หรือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้า โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร การใช้ระบบอัลกอริทึมในการแข่งขันด้านราคา หรือการตลาดอย่างไม่เป็นธรรม
  • แพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์ เช่น การเรียกเก็บค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายจากร้านอาหารสูงขึ้น หรือค่า GP (Gross Profit) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายและโฆษณา เพื่อแนะนำร้าน ในอัตราเพิ่มขึ้นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
  • แพลตฟอร์มบริการขนส่ง   เช่น การกำหนดเงื่อนไขที่จำกัดสิทธิแฟรนไชส์ซี หรือการกำหนดเงื่อนไข หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหลังทำสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

สำหรับข้อร้องเรียนของผู้ประกอบธุรกิจ ที่ได้รับความไม่เป็นธรรม ส่วนใหญ่ร้องเรียนพฤติกรรมที่เข้าข่ายใช้อำนาจเหนือตลาด ซึ่งการร้องเรียนดังกล่าว อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบสืบสวนสอบสวน หากพบว่า มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จะเร่งดำเนินการตามกฎหมาย

โดยกรณีที่เป็นการใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบตามมาตรา 50  กรณีที่เป็นการตกลงร่วมกัน กำหนดค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 54 ซึ่งมีโทษอาญา จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิดหรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่เป็นการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม หรือการกำหนดเงื่อนไขทางการค้า อันเป็นการจำกัด หรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 57 มีโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกิน 10 % ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายตัวของธุรกิจออนไลน์อย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs

สขค. จึงได้กำหนดแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ในธุรกิจแฟรนไชส์ และในส่วนของการลดผลกระทบของ SMEs ได้มีการจัดทำแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 30 – 45 วันเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของผู้ประกอบธุรกิจ SMEs  

นอกจากนี้ สขค. ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดธุรกิจ E-platform ประเภทอื่นๆ เพื่อพิจารณาการจัดทำแนวปฏิบัติ (Guideline) เพิ่มเติม เพื่อใช้กำกับดูแลการแข่งขันได้อย่างครบถ้วน และสร้างมาตรฐานทางการค้าให้เกิดการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม         

ทั้งนี้  ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) หรือช่องทางเว็บไซต์ www.otcc.or.th หมายเลขโทรศัพท์ 02-199-5444