
Onlinenewstime.com : ชุดข้อมูล “สถานการณ์ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย” ในรอบ 7 วัน (21 มี.ค. -28 มี.ค. 2563) โดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ที่มาจากรายงานผู้ป่วยยืนยันประจำวัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ
ในมิติ ของ “จำนวนผู้ป่วยรวม” มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น จากวันที่ 21 มีนาคม 2563 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 411 คน เพิ่มขึ้นเป็น 1,245 คน ในวันที่ 28 มีนาคม 2563 คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นประมาณ 202% ในรอบ 7 วัน
จำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละ “รายจังหวัด/ภาค” พบมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ จากเดิมมีจำนวน 283 คน เพิ่มขึ้นเป็น 515 คน ตามมา คือ นนทบุรีจากเดิม 9 คนเป็น 68 คน, ภูเก็ตจากเดิม 13 คนเป็น 41 คน, ยะลาจากเดิม 4 คนเป็น 40 คน,ชลบุรีจากเดิม 5 คนเป็น 36 คน, ปัตตานีจากเดิม 12 คนเป็น 33 คน, สมุทรปราการจากเดิม 21 คนเป็น 33 คน, สงขลาจากเดิม 4 คนเป็น 27 คน และปทุมธานีจากเดิม 5 คนเป็น 14 คน
ขณะที่สัดส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อของภาคกลางเดิม มีจำนวน 334 คน เพิ่มขึ้นเป็น 673 คน, ภาคตะวันออก 7 คนเป็น 56 คน, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 คนเป็น 66 คน, ภาคใต้ 47 คนเป็น 174 คน, ภาคเหนือ 10 เป็น 33 คน
ชุดข้อมูลที่มีการแบ่งตามความเสี่ยง / อาชีพ โดยเห็นความสัมพันธ์ใน 2 มุม ทั้งความเสี่ยงการติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากอาชีพ และอีกด้านคือเมื่อรับความเสี่ยงมาแล้ว ยังนำเชื้อไปสู่คนร่วมอาชีพหรือคนใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
กลุ่มอาชีพหากไม่นับรวมกลุ่มไม่ระบุอาชีพที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 679 คนนั้น พบว่าอันดับ 1 คือ “กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน” มีผู้ติดเชื้อ 72 คน อันดับที่ตามมา คืออาชีพ “ร้านอาหาร สถานบันเทิง โรงแรม” 66 คน อาชีพค้าขาย 61 คน อาชีพท่องเที่ยวสายการบิน 5o คน อาชีพในแวดวงสนามมวย 49 คน อาชีพรับราชการ 46 คน อาชีพนักเรียน นักศึกษา 41 คน อาชีพรับจ้าง 39 คน ฯลฯ
กลุ่มอายุของจำนวนผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 17 – 52 ปี รวมกัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 58.96 % ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด 1,245 คน และจากชุดข้อมูลยังพบว่า กลุ่มอายุต่ำกว่า 17 ปี มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 3 เท่า จากจำนวน 8 คนเป็น 25 คนใน 7 วัน