Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

สถานการณ์โควิด-19 เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว

Customer

Onlinenewstime.com : บริษัท Strategy& ของ PwC เผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยหันมาชอปปิงออนไลน์ และใช้บริการจัดส่งมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านและการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ แนะผู้ประกอบการค้าปลีก ที่ยังไม่มีช่องทางออนไลน์ หาแพลตฟอร์มที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและเข้าถึงผู้บริโภค พร้อมวางกลยุทธ์ในระยะยาว เพราะเชื่อว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคหลังโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างถาวร

นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ ‘Evolving priorities: COVID-19 rapidly reshapes consumer behavior’ ที่จัดทำโดยบริษัท Strategy& (สแตร็ดติจี้ แอนด์) ของ PwC ว่าได้ทำการสอบถามความคิดเห็น ของผู้บริโภคกลุ่มผู้ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา จำนวนกว่า 1,600 รายเพื่อทำความเข้าใจว่า พวกเขาได้ปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน และพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไร เพื่อรับมือกับโรคระบาด

ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่าวิกฤตด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จากไวรัสโควิด-19 กำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่อาจส่งผลกระทบคงอยู่เป็นระยะเวลานาน

ผู้บริโภคยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่ชัดเจน

ผลจากการสำรวจพบว่า 57% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีการเว้นระยะห่างทางสังคมจากเพื่อนฝูง และ 50% บอกว่า พวกเขาทำงานจากที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ หรือตลอดเวลา ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ผู้ตอบแบบสอบถาม 49% ยังกล่าวด้วยว่า พวกเขาหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน ขณะที่ 42% หลีกเลี่ยงการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เมื่อต้องออกไปธุระข้างนอก

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (78%) ยังมีความกังวลต่อต้นทุนทางเศรษฐกิจ ที่เป็นผลพวงจากโรคระบาดนี้ เช่น การว่างงาน ภาวะถดถอย และความยากลำบากทางเศรษฐกิจ โดย 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า มีความกังวลเกี่ยวกับการล้มป่วย และการสูญเสียชีวิต และ 48% กล่าวว่า พวกเขาเป็นห่วงเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ของสมาชิกในครอบครัว

ทั้งนี้ จากการศึกษา ซึ่งจัดทำโดยทีมนักยุทธศาสตร์เชิงปฏิบัติระดับโลก ยังพบว่า ผู้บริโภค ต่างเลือกซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นมากขึ้น หลังมีการกำหนดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น วัตถุดิบที่ไม่เน่าเสียง่าย (27%) ของใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์ทำความสะอาด (25%) และอาหารแช่แข็ง (25%) ซึ่งสินค้าเหล่านี้ล้วนเป็นที่ต้องการสูง

ชอปปิงออนไลน์และบริการจัดส่งมาแรง

ในขณะที่ผู้คน หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก และแยกตัวเองออกจากสังคม นี่จึงทำให้พฤติกรรมการชอปปิง เปลี่ยนมาเป็นออนไลน์มากขึ้น

โดยการสำรวจพบว่า ความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ ที่มาพร้อมบริการจัดส่งถึงบ้าน สำหรับสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นของชำ และอาหารแช่แข็ง ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสัตว์เลี้ยง  และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ได้รับความนิยมสูงกว่าการซื้อสินค้าออนไลน์ ที่ผู้บริโภคต้องเข้ามารับสินค้าที่ร้านด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า การอยู่ที่บ้านมากขึ้น ยังหมายถึงการที่ผู้บริโภคมีเวลามากขึ้น ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความบันเทิง การทำอาหาร การทำงานบ้าน และการออกกำลังกายด้วย

ลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคอาจส่งผลกระทบในระยะยาว

เมื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกกิจกรรมซึ่งตนใช้เวลามากขึ้น จากการอยู่ที่บ้านพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่ง (56%) กล่าวว่า พวกเขาได้มีเวลาทบทวนการใช้ชีวิตมากขึ้น ในขณะที่ 28% ได้ทำงานอดิเรกใหม่ ๆ และ 48% มีความตั้งใจที่ จะดูแลรักษาสุขภาพ และพฤติกรรมเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีในระยะยาว

นางสาว วิไลพร กล่าวว่า “โควิด-19 ได้กระตุ้นให้ผู้บริโภค หันมาใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่การหาข้อมูลสินค้าและ บริการ การสั่งอาหาร การตรวจสอบสถานะการจัดส่ง ไปจนถึงการเรียนหนังสือในห้องเรียนเสมือนจริง

ซึ่งผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่า คนจำนวนมาก ได้ปรับรูปแบบการชีวิตให้เป็นไปออนไลน์ เชื่อว่า หลังโควิด-19 สิ้นสุดลง พฤติกรรมเหล่านี้ ก็จะยังติดตัวผู้บริโภคต่อไป และจะทำให้สัดส่วนการใช้บริการออนไลน์สู งต่อไปด้วย

“ก่อนวิกฤตโควิด-19 ผู้ประกอบการค้าปลีกไทยบางรายสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคดิจิทัลได้ดี โดยได้มีการสร้างช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ ให้ลูกค้าทำรายการได้ และมีการนำข้อมูล มาวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้เข้าใจถึงพฤติกรรมลูกค้า

แต่ก็ยังมีหลายรายที่ยังไม่ได้เริ่ม หรือทำไปแค่เบื้องต้น ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้จะต้องปรับตัวแบบ 180 องศา เพื่อให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรม และนำข้อมูลมาปรับใช้ เพื่อเพิ่มยอดขายและผลกำไรต่อไป

“ในช่วงที่เราทุกคนยังต้องประคับคองธุรกิจ และให้บริการลูกค้า ในช่วงเวลาที่ท้าทายแบบนี้ ผู้ค้าปลีก อาจจะมองหาแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วในตลาด และไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร เพื่อสร้างธุรกิจบนสังคมออนไลน์

ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องมั่นใจว่า เนื้อหามีการอัปเดตอยู่เรื่อย ๆ และมีความเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า ที่นอกเหนือไปจากการสร้างความสัมพันธ์ ผ่านการทำธุรกรรมระหว่างกันเพียงอย่างเดียว”

Exit mobile version