Onlinenewstime.com : จากการที่กลุ่มเทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอม มูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ประกาศควบรวมกิจการธุรกิจโทรคมนาคมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรูมูฟ เอช และจะร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ขึ้นใหม่นั้น(อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9640000115701)
วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2564) พวงทอง ว่องไว อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) กล่าวว่า ถึงแม้ในปัจจุบัน การควบรวมจะเกิดขึ้นในระดับผู้ถือหุ้น คือระหว่างเทเลนอร์และซีพี โดยยังไม่ได้มีการควบรวม ในระดับบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม คือระหว่าง ดีแทคกับทรู แต่ก็ย่อมจะไม่มีการแข่งขันของบริษัททั้งสอง เพราะอยู่ภายใต้บริษัทแม่เดียวกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลง หรือหากมีการควบรวมกันในระดับบริษัท นอกจากจะทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่น้อยลงชัดเจนแล้ว ยังจะส่งผลต่อราคาค่าบริการที่ผู้บริโภคต้องจ่ายด้วย
ด้านชลดา บุญเกษม อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สอบ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทยมีค่ายมือถือ 3 ค่ายหลักที่แข่งขันกันอยู่ ทั้งด้านการพัฒนาบริการใหม่ ๆ การขยายพื้นที่การบริการ รวมไปถึงการแข่งขันด้านราคา แต่หากมีการควบรวมแม้จะเป็นในระดับผู้ถือหุ้น อาจทำให้สัดส่วนแข่งขันในตลาดเปลี่ยนไป จากที่เคยมี 3 เจ้าเหลือเพียง 2 เจ้าเท่านั้น ซึ่งจะกระทบต่อผู้บริโภคจำนวนมากอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่อาจจะถูกเปิดเผยมากขึ้น
ในขณะที่บุญยืน ศิริธรรม ประธาน สอบ. ตั้งข้อสังเกตว่า หากข้อตกลงระหว่างเทเลนอร์กับซีพีได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล และสามารถตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ได้ กิจการภายใต้บริษัทดังกล่าวจะมีส่วนแบ่งตลาดโทรคมนาคมในประเทศไทยถึงร้อยละ 52 จึงอยากสอบถามไปยังคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่ากรณีดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากมีส่วนแบ่งเกินครึ่งหนึ่งของตลาด
เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค สารี อ๋องสมหวัง กล่าวย้ำว่า สอบ. ขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องหาแนวทางในการกำกับดูแลกรณีดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดอำนาจเหนือตลาดและการผูกขาดทางการค้า ซึ่งส่งผลกระทบและถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งนี้ สอบ. มองว่า จำนวนผู้ให้บริการ หรือค่ายมือถือ ไม่ควรลดน้อยลงจากเดิมที่มีรายใหญ่ 3 ราย ดังนั้น กสทช. ควรมีมาตรการที่ส่งเสริมให้เกิดผู้ให้บริการรายใหม่
ทั้งนี้ สอบ. จะทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี กสทช. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพรรคการเมือง เพื่อคัดค้านการพิจารณาการควบรวมดังกล่าว