ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศมหาอำนาจของโลก ระหว่าง สหรัฐฯและรัสเซีย เริ่มสั่นคลอนภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งกองทัพสหรัฐ ใช้ขีปนาวุธจรวดโทมาฮอว์กจากเรือพิฆาต (เวลา 08.40 น.วันที่ 7 เมษายน ตามเวลาประเทศไทย ) จำนวน 59 ลูก โจมตีฐานทัพอากาศอัลเชย์รตของซีเรีย
ซึ่งกองทัพสหรัฐให้เหตุผลในการดำเนินการเรื่องนี้ เพราะต้องการตอบโต้กรณีการใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย ที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด นำมาโจมตีพลเรือนเขตคาห์น เชคฮุน จังหวัดอิดลิบทางภาคเหนือของซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและเป็นผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 70 ศพ
ในวันเดียวกัน หลังเกิดเหตุโจมตี จึงเป็นที่มาทำให้ ประเทศรัสเซีย ซึ่งถือเป็นชาติมหาอำนาจที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลซีเรียได้ออกมาตอบโต้สหรัฐฯใน 2 เรื่อง โดย “กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย” ออกแถลงการณ์ว่า รัสเซียจะระงับข้อตกลงบินเหนือน่านฟ้าซีเรียกับสหรัฐ ทั้งนี้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของเที่ยวบินต่างๆ
รวมทั้งเสนอคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี)เรียกประชุมด่วนเพื่อหารือเรื่องนี้ เนื่องจากซีเรีย เป็นหนึ่งในรัฐสมาชิกของยูเอ็น
นายวิคเตอร์ โอเซรอฟ ประธานคณะกรรมการด้านกลาโหมของรัฐสภารัสเซีย บอกกับสำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซีย พร้อมกล่าวอีกว่า การโจมตีดังกล่าวกระทบความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ และความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศทั้งสองอาจจะยุติลง