Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

อัตราการขึ้นเงินเดือนของไทยยังคงตัว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

onlinenewstime.com : เมอร์เซอร์ เผยผลการศึกษาจาก ‘โครงการสำรวจค่าตอบแทนและสวัสดิการของประเทศไทย ประจำปี 2562’ พร้อมแนวโน้มค่าตอบแทน รวมถึงคาดการณ์ถึงการเติบโต ของอัตราการจ้างงานและเงินเดือน สำหรับปี 2563 โดยตัวเลขและการคาดการณ์ มาจากผลการสำรวจอัตราค่าตอบแทนและสวัสดิการ ซึ่งเป็นการศึกษาถึงค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์ประจำปีของเมอร์เซอร์

โดยในปีนี้ มีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการศึกษา เพิ่มขึ้นเป็น 607 บริษัท จากหลากหลายอุตสาหกรรม ในประเทศไทย นอกจากนี้ เมอร์เซอร์ยังได้จัดทำการสำรวจแบบ Pulse อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อติดตามผลกระทบ จากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในธุรกิจต่าง ๆ และศึกษาแนวโน้ม ของอัตราค่าตอบแทน และตลาดแรงงาน

บริษัทในประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการศึกษา แบ่งตามอุตสาหกรรม

ในปี 2563 ตัวเลขคาดการณ์ ของการขึ้นเงินเดือน ของอุตสาหกรรมหลักในประเทศไทยยังคงตัวอยู่ที่ 5% สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ ที่อยู่ในระดับต่ำที่ 1.1% (1.0% ในปี 2562) [1]โดยอุตสาหกรรม ที่ได้รับการคาดการณ์ ว่าจะมีการขึ้นเงินเดือนสูงสุด คืออุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งอยู่ที่ 5.5% ในขณะที่อุตสาหกรรมเคมี มีความเป็นไปได้ว่า จะมีการปรับเงินเดือนอยู่ที่ 5.2% 

ตัวเลขคาดการณ์การขึ้นเงินเดือน ของอุตสาหกรรมหลักในประเทศไทย

แนวโน้มการจ่ายโบนัส ผันแปรสำหรับปี 2562 นี้ ยังคาดว่าจะอยู่ที่ 2.3 เท่าของเงินเดือน ในภาพรวมของทุกอุตสาหกรรม โดยในอุตสาหกรรมยานยนต์ จะมีการจ่ายโบนัสสูงสุดที่ 3.6 เท่าของเงินเดือน เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ตามมาด้วยอุตสาหกรรมประกันชีวิต และอุตสาหกรรมไฮเทค ซึ่งคาดว่าจะจ่ายโบนัสอยู่ที่ 2.5 เท่าของเงินเดือน

แนวโน้มอัตราการออกจากงานโดยสมัครใจ

ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า จากภาพรวมของภาคอุตสาหกรรม อัตราการออกจากงานโดยสมัครใจ เพิ่มขึ้นเป็น 12.8% ในปี 2561 (เมื่อเทียบกับ 12.5% ในปี 2560) ในขณะที่ข้อมูลล่าสุด จากผลสำรวจ Mercer Asia Market Pulse Survey ในไตรมาสที่หนึ่ง ประจำปี 2562 นั้นพบว่า อัตราการออกจากงานโดยสมัครใจ คงที่ในระดับเดียวกับไตรมาสที่หนึ่งของปี 2561 (4%)

อัตราการออกจากงาน
แบ่งตามประเภทอุตสาหกรรม โดยไม่สมัครใจ / สมัครใจ

ในทวีปเอเชีย สาเหตุหลักที่พนักงานลาออกจากงานนั้น มีความแตกต่างไปตามกลุ่มอายุและเพศ โดยภาพรวมแล้วพบว่ามีสาเหตุหลักอยู่ 3 ประการ ได้แก่ การแข่งขันด้านค่าตอบแทน การสื่อสารกับหัวหน้างาน และความก้าวหน้าในสายอาชีพที่ชัดเจน ซึ่งรวมถึงความมั่นคงของงานด้วย [2]

ในขณะที่อุตสาหกรรมไฮเทคในประเทศไทย ยังคงมีอัตราการออกจากงาน โดยไม่สมัครใจสูงสุดที่ 7% ซึ่งเป็นผลมาจากบทบาทของเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น และความจำเป็นของภาคอุตสาหกรรม ในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการใช้ระบบออโตเมชั่น

แนวโน้มของการจ้างงาน

สำหรับประเทศไทย คาดว่าองค์กรต่างๆ มีแผนที่จะว่าจ้างงานในปี 2563 ลดลงเล็กน้อยที่ 29% เทียบกับสัดส่วน 31% ในปี 2562 จากอัตราที่คงที่ ของการออกจากงานโดยสมัครใจ องค์กรส่วนมาก จึงมุ่งให้ความสำคัญ กับการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงาน

นายพิรทัต ศรีสัจจะเลิศวาจา Market Segment Leader & Career Products Leader บริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตำแหน่งงาน ที่เรามีความคุ้นเคยกัน ทุกวันนี้เริ่มที่จะหายไปจากตลาด และการเข้าถึงทักษะ ที่สามารถนำบริษัทไปสู่เป้าหมาย ในด้านทรัพยากรบุคคล จะมีความสำคัญ และผลกระทบ ต่อการสร้างคุณค่าขององค์กรและตัวชี้วัดของงานต่างๆ ในอนาคต”

“เพื่อรับมือกับความต้องการทักษะด้านดิจิทัล องค์กรต่างๆ จึงยอมจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น เพื่อทักษะด้านดิจิทัลที่โดดเด่น หรือกำหนดบทบาทตำแหน่งงาน อย่างไม่เฉพาะเจาะจง เพื่อให้มีพนักงาน ที่มีทักษะดังกล่าวเพิ่มขึ้น

เราคาดว่าทักษะดิจิทัลนี้จะได้รับการผสานเข้าใน ‘กลุ่มทักษะ’ ที่จะสร้างมาตรฐาน ให้แก่ฐานเงินเดือนในอนาคต ซึ่งไม่ได้จำกัด เพียงแค่ทักษะเชิงเทคนิคหรือเชิงปฎิบัติ แต่กลุ่มทักษะ จะครอบคลุมทักษะในวงกว้าง รวมถึงทักษะที่เกี่ยวกับกระบวนการคิด และพฤติกรรมอีกด้วย”

นายจักรชัย บุญยะวัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ถือเป็นวาระแห่งชาติของประเทศไทยในแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาตร์ชาติ ไทยแลนด์ 4.0 และแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (ปี 2561 – 2580)

และเพื่อที่จะดึงดูด สร้างแรงจูงใจ และพัฒนาศักยภาพให้แก่บุคลากร องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัว เพื่อรับมือกับความเป็นจริงของโลกดิจิทัล และกลุ่มแรงงานที่กำลังเปลี่ยนแปลง”

“ในยุคปัจจุบัน ที่เรากำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล การก้าวสู่ยุคประชากรสูงอายุ และการหันมาใช้พนักงานชั่วคราวเพิ่มขึ้น องค์กรมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องพิจารณาทบทวนการให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการ ที่องค์กรมีให้กับพนักงาน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการ ของแต่ละบุคคล

ตลอดจนสร้างแรงกระตุ้นให้แก่พนักงาน โดยมีหลายบริษัท ที่หันมาใช้ระบบสิทธิประโยชน์แบบยืดหยุ่น และรูปแบบการจ่ายค่าตอบแทนตามความสามารถ เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ เหล่านี้” นายจักรชัย กล่าวเสริม

การเปลี่ยนแปลงไปสู่ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินเดือน

การเกิดขึ้นตำแหน่งงานใหม่ๆ รวมถึงการที่ตำแหน่งงานเดิม ต้องปรับเปลี่ยนไปกับกระแสของเทคโนโลยีออโตเมชั่นและเอไอ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับองค์กร ที่ต้องตามให้ทัน กับความคาดหวังของพนักงาน เกี่ยวกับผลตอบแทนและ market values

จากผลการสำรวจระดับโลก เกี่ยวกับเทรนด์ของพนักงาน ที่มีความสามารถ ซึ่งเมอร์เซอร์จัดทำขึ้นในปี 2562 พบว่า รูปแบบของการผลตอบแทน ที่สำคัญสูงสุดอันดับหนึ่งคือ การให้ผลตอบแทน ด้วยรูปแบบที่หลากหลายกว่าเดิม ข่าวดีก็คือ สิ่งที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลให้ความสำคัญอันดับต้นๆ ล้วนสะท้อนถึงสิ่งที่พนักงานต้องการ

โดยทั้งฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพนักงาน ต่างเห็นตรงกันว่า การมอบผลตอบแทน หรือสิ่งจูงใจแก่พนักงานที่มีความสามารถได้หลากหลายมากขึ้น สามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้ เพื่อให้สอดคล้อง กับทิศทางของธุรกิจได้อย่างแท้จริง

การลงทุนในเรื่องของค่าตอบแทน ควรสะท้อนถึงกลยุทธ์ที่องค์กรให้ความสำคัญ โดยในหลายกรณี สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยน จากวิธีการแบบเดิม มาสู่รูปแบบของผลตอบแทน ที่ต่างออกไป เพื่อสร้างความพึงพอใจ ให้กับพนักงานที่มีความต้องการ และการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

บริษัทชั้นนำ เริ่มมีการให้ความสำคัญ ในเรื่องของการให้ผลตอบแทนแก่พนักงานในภาพรวม โดยมีการให้ค่าตอบแทนที่มากกว่าเงินเดือน เช่น โอกาสเติบโตในอาชีพ การให้เงินพิเศษ เพื่อเป็นแรงจูงใจ และการให้ผลตอบแทนพิเศษ

นายภูนีต สวานี หุ้นส่วนอาวุโสและผู้อำนวยการธุรกิจ Career ในระดับภูมิภาคระหว่างประเทศ ของเมอร์เซอร์ กล่าวว่า “ผลของการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และการเข้าสู่โลกยุคใหม่ ของการทำงาน ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องหันมาทบทวนแนวทาง เพื่อให้สามารถรับมือกับอนาคตได้ ด้วยการออกแบบรูปแบบของการจ่ายผลตอบแทน ที่คำนึงถึงความความต้องการของพนักงานเป็นหัวใจสำคัญ

ไม่ว่าจะเป็นการนำดิจิทัลมาใช้ในองค์กร การสร้างทักษะที่สำคัญ และจำเป็นให้กับพนักงาน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในอนาคต หรือแม้แต่การสร้างสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมการทำงานได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนการปรับเปลี่ยนแปลงวิธีการลงทุนขององค์กร ในตัวพนักงาน เหล่านี้จะช่วยสร้างผลตอบแทน กลับคืนสู่ธุรกิจในอนาคตได้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม”   


[1] Asia pacific Executive Brief ของ IMA Asia เดือนตุลาคม 2562

[2] ผลสำรวจ Mercer Asia Market Pulse Survey ประจำครึ่งแรกของปี 2562 และผลสำรวจระดับโลกเกี่ยวกับเทรนด์ของพนักงานที่มีความสามารถ ปี 2562

อ่านข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการสำรวจค่าตอบแทนและสวัสดิการของประเทศไทย ประจำปี 2562 ได้ใน ลิงค์


เกี่ยวกับเมอร์เซอร์

เมอร์เซอร์ให้คำปรึกษาและเทคโนโลยี ในการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้องค์กร สามารถตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพ การเงินและอาชีพของบุคลากร ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเป็นบริษัทในเครือของ Marsh & McLennan Companies (NYSE: MMC) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลก ด้านความเสี่ยง  กลยุทธ์ และบุคลากร

Exit mobile version