Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

อัพเดตการทดลอง วัคซีนโควิดสัญชาติไทยกว่า 20 ชนิด

thai vacciene covid19 2

Onlinenewstime.com : รัฐบาลเผย วิจัยวัคซีนโควิดสัญชาติไทยมีกว่า 20 ชนิด ทดสอบในคนแล้วสี่ แบบพ่นจมูก พร้อมทดสอบในคนปีนี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ขณะนี้มีวัคซีนอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาจำนวนกว่า 20 ชนิด โดยวัคซีนที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ วัคซีน Chula-Cov19 วัคซีนHXP-GPOVac วัคซีนBaiya SARS-CoV-2 Vax และวัคซีน Covigen ซึ่งอยู่ในขั้นการทดสอบในมนุษย์ และหากทดสอบครบสามระยะ ก็จะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) ได้

สำหรับวัคซีนตัวอื่นๆ มีความก้าวหน้าอยู่ในระดับทดสอบในสัตว์ทดลอง และมีหลายประเภท ทั้งชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral Vector) ชนิดโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ (Protein Subunit ) ชนิดสารพันธุกรรม (mRNA) ชนิดอนุภาคไวรัสเสมือน ( Virus-like particle: VLP) เป็นต้น

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก

ซึ่งความก้าวหน้าของการพัฒนาวัคซีนต่างๆ มาจากความร่วมมืออย่างเต็มที่ของหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ อาทิ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สวทช. โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สถาบันอุดมศึกษา เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชน เป็นต้น

สำหรับการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบพ่นจมูก ซึ่งแนวโน้มจะมีการใช้เพิ่มขึ้น ข้อดีคือใช้งานง่าย เป็นวัคซีนที่พ่นละอองฝอยในโพรงจมูกผ่านเข็มฉีดพ่นยาชนิดพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งวัคซีนไปเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในเยื่อเมือกของระบบทางเดินหายใจส่วนบนโดยตรง

ซึ่งไวรัสส่วนใหญ่มักจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก และก่อตัวขึ้นในโพรงจมูก ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายรวมถึงปอด

ขณะนี้ทีมนักวิจัยไบโอเทค ได้พัฒนาวัคซีนพ่นจมูก “NASTVAC” ที่ผ่านการทดลองในสัตว์แล้ว คาดว่าจะสามารถผลิตตัวอย่างวัคซีนประมาณ 200-300 โดส เพื่อใช้สำหรับการทดสอบในมนุษย์ได้ในไตรมาสสองปีนี้

มากไปกว่านั้น ยังมีสเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือ 5 ภาคีเครือข่ายรัฐและเอกชน ประกอบด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) องค์การเภสัชกรรม และบริษัทไฮไบโอไซ

ซึ่งสเปรย์แอนติบอดีได้ผ่านการทดสอบเบื้องต้นในสัตว์ทดลองมีผลเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าจะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนต่ออย. ประมาณเดือนมิถุนายน และจะผลิตออกสู่ตลาดประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้เช่นกัน

“นายกรัฐมนตรี ชื่นชมผลงานและความทุ่มเทของนักวิจัยไทย รวมถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ทำให้ความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19ภายในประเทศ อยู่ในระดับแนวหน้าของภูมิภาค เป็นการใช้องค์ความรู้ที่สั่งสมมา จากงานวิจัยและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทัดเทียมกับนานาชาติ

ในส่วนของรัฐบาล ได้จัดสรรทุนสนับสนุนการวิจัยผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งมีเป้าหมายให้การพัฒนาวัคซีน นำไปสู่การสร้างวัคซีนที่มีคุณภาพสำหรับคนไทย ช่วยเสริมความมั่นคงทางสาธารณสุขให้กับประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต” นางสาวรัชดา กล่าว

Exit mobile version