fbpx
News update

เชลล์ ชูการพัฒนาศักยภาพของคนเป็นหลักสำคัญ ในการเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

onlinenewstime.com : บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมการประชุม พร้อมผู้นำธุรกิจ และผู้นำระดับโลก ในการประชุมสุดยอดอาเซียนปี 2562 ชูแนวทางความร่วมมือระหว่างภูมิภาค และการพัฒนาศักยภาพของคนเป็นหลักสำคัญ เพื่อก้าวเข้าสู่ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 อย่างยั่งยืน

นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “มิติของการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ มีความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่ามิติที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี อนาคตจะถูกกำหนดโดยความสมดุลระหว่างทั้งสองมิตินี้ ว่าจะสามารถสนับสนุน และส่งเสริมกันได้เพียงใด

การขับเคลื่อนด้วยทั้งบุคคล ภาคธุรกิจ และรัฐบาล รวมไปถึงภาคสังคม การตลาด และกฎหมาย ก็จะมีบทบาทสำคัญ เราเชื่อว่าการร่วมมือกัน ระหว่างทุกภาคส่วน และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีส่วนในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิต และช่วยให้มนุษย์ ก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จนถึงโลกอนาคตอย่างยั่งยืน”

ปัจจุบัน ประเทศในอาเซียน ประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำ ของการกระจายรายได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ความยากจน ยังคงเป็นปัญหา ที่มีความซับซ้อน เกินกว่าที่รัฐบาลใดจะแก้ไขได้เพียงฝ่ายเดียว

จากสถิติของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) สัดส่วนของประชากรไทย ที่อยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจน มีสูงถึง 7.9% ในปี 2560[1] และประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุด คือกลุ่มที่ประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้ งเชิงเศรษฐกิจและสังคม

จากความท้าทายเหล่านี้ เชลล์ ประเทศไทย เห็นถึงความจำเป็น ในการสร้างเสริมศักยภาพบุคลากรอย่างเร่งด่วน ในประเด็นต่างๆ อาทิ:

●       การกระจายรายได้ – ความยากจน ยังคงเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน ประชากรส่วนใหญ่ ยังไม่ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม และขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพที่จำเป็นเพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล

●       การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและผลกระทบต่อแรงงาน – การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะเป็นตัวกระตุ้น ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรม จากการนำระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ แรงงานในประเทศอาเซียนประมาณ 28 ล้านคน มีแนวโน้มที่จะต้องรับมือ กับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ตลอดระยะเวลาอีกสิบปีข้างหน้า[2]

หนึ่งในหลายๆ โครงการ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพมนุษย์ของเชลล์ คือ โครงการเติมสุขให้ทุกชีวิต ซึ่งเชลล์ ร่วมกับ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ในการส่งเสริมพัฒนาโรงเรียน สำหรับผู้สมควรได้รับโอกาส และบกพร่องทางร่างกายและการเคลื่อนไหว จัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับนักเรียนและชุมชน

ภายใต้โครงการดังกล่าว ในช่วงแรกของโครงการลูกค้า พันธมิตร รวมถึงพนักงานของเชลล์ ได้ร่วมกันระดมเงินทุนเพื่อจัดให้โรงเรียน 12 แห่ง เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับชุมชน นักเรียนได้รับการส่งเสริมให้สร้างธุรกิจเล็กๆ ตั้งแต่การทำแปลงเพาะปลูก ไปจนถึงงานฝีมือ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการให้โอกาส ในการเข้าถึงการสร้างรายได้ ซึ่งทำให้นักเรียนในโครงการ มีอาชีพและสามารถเลี้ยงตัวเองได้ภายใน 2-3 ปี

ปัจจุบัน โครงการดังกล่าว ได้มีการขยายไปสู่ 74 โรงเรียน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ จากโรงเรียนต้นแบบ และดำเนินโครงการในแนวทางเดียวกัน โดยเข้าถึงนักเรียน ในระดับประถม และมัธยมจำนวนกว่า 32,000 คน

นอกจากนี้ มีการสนับสนุน “การเกษตรแบบอัจฉริยะ” ซึ่งช่วยให้ผู้ด้อยโอกาส อย่างเช่นนักเรียน ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และการเคลื่อนไหว สามารถทำการเกษตรได้ รวมถึงยังขยายผล จนเป็นโครงการระดับชุมชน

โดยโรงเรียนได้รับงบประมาณเพิ่มเติม ในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนใกล้เคียง สิ่งเหล่านี้จึงส่งผล ให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของเด็ก และชุมชนในวงกว้าง โดยทำให้กลุ่มเป้าหมาย สามารถสร้างคุณค่าในตัวเองและสร้างประโยชน์ให้กับสังคม

นายอัษฎากล่าวสรุปว่า“กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ก็เป็นบุคลากรที่มีคุณค่าได้ ในขั้นต่อๆ ไปของโครงการ เรามีแผนที่จะขยายผล อาทิ ให้ทุนสนับสนุนโรงเรียน เพื่อนำไปเป็นเงินทุน สำหรับชุมชนใกล้เคียง ซึ่งเข้ามาร่วมกับโครงการ ที่สำคัญ เด็กนักเรียน ซึ่งอาจมีความบกพร่องทางร่างกายและการเคลื่อนไหว จะไม่ใช่ผู้รอรับความช่วยเหลือ แต่กลับเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่น เชลล์หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะเป็นแรงผลักดันให้เด็กๆ มีความภาคภูมิใจ และรู้สึกมีคุณค่าในตนเองต่อไป”