fbpx
News update

เดอะมอลล์ กรุ๊ป  จับมือ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  และกลุ่มพันธมิตรธุรกิจ สร้างปรากฎการณ์แห่งเศรษฐกิจดิจิทัล

Onlinenewstime.com : บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป  จำกัด  จับมือ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  จำกัด  ผนึกความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน จัดงาน “เดอะพินนาเคิล ออฟ พรอสเพอร์ริตี้” (THE PINNACLE OF  PROSPERITY) ประกาศความร่วมมือในการรังสรรค์ปรากฎการณ์แห่งเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน ด้วย 3 ยุทธศาสตร์หลัก GLOBALIZATION, DIGITALIZATION และ TOURISM เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนและการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย (HUB OF DIGITAL ASSETS INVESTMENT AND TOURISM IN ASIA)

นางสาวศุภลักษณ์  อัมพุช  ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป  จำกัด  ผู้นำและพัฒนาโครงการรีเทลแนวหน้าของประเทศไทย ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เดอะมอลล์  เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา สยามพารากอน  ดิเอ็มดิสทริค อันประกอบด้วย  ดิเอ็มโพเรี่ยม ดิเอ็มควอเทียร์  และดิ เอ็มสเฟียร์ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์สำคัญยิ่งในการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ หลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก คือการผนึกความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน

โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือการมุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจยุค 5.0 และเศรษฐกิจดิจิทัล  (DIGITAL ECONOMY)  เป็นวาระเร่งด่วน

ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลัก คือโลกยุคใหม่ไร้พรมแดน (GLOBALIZATION) การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (DIGITALIZATION) และการท่องเที่ยวและการบริการ (TOURISM) 

GLOBALIZATION  ให้ความสำคัญในการมีพันธมิตรธุรกิจระดับประเทศและระดับโลก ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ เพื่อเสริมสร้างรากฐาน และเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งในการเติบโตของประเทศ  ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทย คือการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การเดินทางและท่องเที่ยว การบินและโลจิสติกส์

ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในหลายโครงการเช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC), โครงการเส้นทางสายไหม  One Belt One Road (OBOR) และโครงการรถไฟความเร็วสูง (HIGH-SPEED TRAIN & AIRPORT LINK) ที่เชื่อมต่อ 3 สนามบิน ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา เข้าไว้ด้วยกัน

DIGITALIZATION  องค์กรภาคธุรกิจหลักทุกภาคส่วน ต้องมีนวัตกรรมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้เป็นโลกแห่งดิจิทัล (DIGITAL TRANSFORMATION) สู่เศรษฐกิจยุค 5.0 อย่างสมบูรณ์แบบ เข้าสู่โลกดิจิทัลแบบไร้ขีดจำกัด และมีระบบนิเวศทางดิจิทัลที่ครบวงจร (DIGITAL ECOSYSTEM)

และต้องอาศัยการมี สมาร์ท ดิจิทัล แพลตฟอร์ม (SMART DIGITAL PLATFORM) หรือโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ที่อาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งยังได้รับความร่วมมือ และการสนับสนุนของทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก  

TOURISM  ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ กลยุทธ์ที่สำคัญคือจะต้องรีโพสิชั่นนิ่ง (REPOSITIONING) วางเป้าหมายทางการท่องเที่ยวใหม่ มุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นหลัก เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง  กลุ่มนักธุรกิจ  นักลงทุนรุ่นใหม่ กลุ่มเศรษฐีใหม่ (NEW WEALTH) จากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว   

ดังนั้นภาครัฐต้องผลักดันการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ตลอดจนผลักดันให้ประเทศไทย เป็นจุดหมายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยว เพื่อส่งผลดีต่อบ่วงโซ่ธุรกิจ  คือ ธุรกิจค้าปลีก เอ็นเตอร์เทนเมนท์ โรงแรม สายการบิน เรือท่องเที่ยวและเรือสำราญ โรงพยาบาล สุขภาพและความงาม ตลอดจนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการท่องเที่ยว (HEAVEN FOR DIGITAL ASSET INVESTOR & TOURISM) 

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำธุรกิจรีเทลระดับโลก ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงได้จับมือกับ  บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology)

รวมถึงเป็นผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือตลาดซื้อ-ขายคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านบริษัทในเครือ คือ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย ได้ร่วมกันวางกลยุทธ์การขับเคลื่อนการสร้างระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Ecosystem) 

เพื่อยังผลให้เกิดการโตเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน (Sustainable Digital Economy)  ด้วยการผนึกความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน ในภาคอุตสาหกรรมธุรกิจหลัก เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการท่องเที่ยว (HEAVEN  FOR  DIGITAL ASSET INVESTMENT &TOURISM)

บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮดดิ้งฯ และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ ได้ร่วมทุนจัดตั้ง “บริษัท บิทคับ เอ็ม จำกัด” (Bitkub M Company Limited) ในสัดส่วน 50:50 เพื่อร่วมลงทุนและบริหารบิทคับ เอ็ม โซเชียล ( BITKUB M SOCIAL ) ให้เป็นดิจิทัลคอมมูนิตี้ (Digital Community) แห่งแรกของเมืองไทยที่จะเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยน ความรู้ การจัดสัมมนาและการประชุม ทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล สนับสนุนในการสร้างองค์ความรู้สำหรับ สตาร์ทอัพ (Startup) และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Entrepreneur Economy)

และเป็นแหล่งพบปะของนักลงทุน ที่สนใจในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เป็นศูนย์การเทรดและการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล  (Digital Asset Trading & Exchange) รวมทั้งมี NFT Gallery & Gaming และนำเข้าสู่โลกของ METAVERSE ในอนาคต

BITKUB M SOCIAL แห่งนี้ จะเป็นโมเดลสำคัญ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมภาคธุรกิจ การลงทุน พัฒนาบุคลากรทางด้านดิจิทัล สร้างงานสร้างอาชีพ เป็นการกระจายรายได้ และลดช่องว่างทางสังคม

อันจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติ ยกระดับประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัลระดับภูมิภาคเอเชีย (HUB OF DIGITAL ASSET IN ASIA)

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขและปีใหม่ที่กำลังมาถึงนี้ และสร้างบรรยากาศในการจับจ่าย เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ บิทคับ ยังได้เปิดมิติใหม่แห่งการช้อปปิ้ง ด้วยการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยว

ครั้งแรกกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Currency) มาแลกสินค้าและบริการ ที่ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม

และยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ร้านค้า และคู่ค้า จัดกิจกรรม Happy Treasure Hunt Game ครั้งแรกของโลก กับ NFT (Non Fungible Token) พร้อมรางวัลมากมายต้อนรับปี 2022 เพื่อสร้างสีสัน และดึงดูดลูกค้า ให้ได้เข้ามาใช้บริการในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้

พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัวเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำของประเทศ ทั้งทางด้านธุรกิจค้าปลีก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว และบริการ ธุรกิจสายการบิน และเรือสำราญ ธุรกิจโรงแรม อาหารและบริการ (Hospitality) ธุรกิจทางด้านศูนย์สุขภาพและความงามรวมถึงโรงพยาบาล ธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจยานยนต์ ซุปเปอร์คาร์ และเรือยอร์ชเพื่อการท่องเที่ยว และอื่นๆ

โดยได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบินแอร์เอเซีย, สายการบินบางกอกแอร์เวย์, โรงแรมในเครือดุสิต, โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ (BCH), อนันดา พร้อพเพอร์ตี้ และบริษัทฯในเครือ, และมิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป (MGC-Asia) เป็นต้น จัดแคมเปญพิเศษ เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในช่วงปีใหม่นี้ ทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์การใช้สินทรัพย์ดิจิทัล

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา นักธุรกิจ ผู้ก่อตั้ง บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กลุ่มธุรกิจ ผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน และดำเนินการตลาดซื้อขายคริปโทฯผ่าน บิทคับ ออนไลน์ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า

“การเกิดขึ้นของบล็อกเชน ที่เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังของคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล เปรียบเสมือนการเกิดขึ้นของอินเตอร์เน็ตเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่ทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ขึ้น รวมถึงสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจใหม่ในยุคที่ผ่านมา

ในยุคนี้นอกจากบล็อกเชนจะมาเปลี่ยนแปลงวงการการเงินแล้วยังสามารถช่วยแปลง ยกระดับ และเพิ่มมูลค่าให้แก่วงการอื่นๆได้ เช่น ในวงการศิลปะและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้มีการทำ NFT (Non-Fungible Token) เพื่อขาย ประมูล งานศิลปะและงานออกแบบทำให้เป็นช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้ของเหล่าศิลปินและนักออกแบบจากความคิดสร้างสรรค์

นอกจากนั้นแล้ว NFT ยังเข้ามาเปลี่ยนวงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อย่างที่ทางกลุ่มบิทคับ ได้ร่วมพัฒนา Fans Token ร่วมกับเหล่ายูทูเบอร์ ชั้นนำที่มีผู้ติดตามรวมกว่า 50 ล้านบัญชี อย่าง บี้ เดอะสกา (BIE The SKA)  ปลื้ม วีอาร์โซ (Pleum VRZO) เก๋ไก๋  สไลเดอร์ (Kaykai Salaider) คิวเท อ๊ปป้า (Kyute Oppa) และ สไปรท์เดอร์ (SpriteDer SPD)

รวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ Miss Universe Thailand NFT ร่วมกับทาง TPN GLOBAL ซึ่งถือได้ว่าเป็น Beauty Pageant NFT Collection ครั้งแรกของโลกที่ได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย เนื่องจากเป็นการสร้างเอนเกจเม้นท์ ระหว่างแฟนคลับและตัวศิลปินได้เป็นอย่างดี

ล่าสุด การนำประโยชน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้ร่วมกับวงการค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ โดยการร่วมมือกับทางเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ในครั้งนี้ จะเป็นอีกการพลิกโฉมครั้งสำคัญในการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้ง ไลฟ์สไตล์ เป็นแห่งแรกๆของโลก

เนื่องจากจะมีการผสาน ทั้งการใช้กระเป๋าคริปโทเคอร์เรนซีในการแลกเปลี่ยนสินค้าได้สะดวกสบายมากขึ้น และการให้โปรโมชั่น สิทธิพิเศษผ่านกลไกของ NFT (Non-Fungible Token)

รวมถึงการนำ Gamification มาเพิ่ม Foot traffic ให้กับศูนย์การค้า เช่นการแจก NFT Card ที่มีรางวัลพิเศษ เฉพาะผู้ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยที่ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าเท่านั้น จึงจะได้รางวัลพิเศษนั้นไป ซึ่งของรางวัลบางอย่าง อาจถือเป็นประสบการณ์ที่ถึงแม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เป็นการเชื่อมประสบการณ์ที่ดี ระหว่างแบรนด์ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ช่วยเพิ่มยอดขายหน้าร้าน และยังสามารถผสานสิทธิประโยชน์ ระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ได้อีกด้วย นอกจากนี้กระแสของโลกที่มีกลุ่มผู้มั่งคั่ง และมีกำลังจับจ่ายใช้สอยกลุ่มใหม่ (New Wealth) ที่มีรายได้จากแวดวงเทคโนโลยีกลุ่มใหม่ ๆเช่นบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล หรือผู้ที่สามารถทำงานให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆได้จากทั่วทุกมุมโลก

คนเหล่านี้ สามารถทำงานที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงาน (Digital Nomad) หรือกลุ่มที่เป็นคนๆเดียวแต่มีหลายทักษะ และสามารถทำงานให้หลากหลายบริษัท

ในขณะเดียวกัน (Nano Entrepreneur) คนกลุ่มนี้ มีกำลังซื้อมากและนิยมการพักผ่อนในต่างประเทศแบบท่องเที่ยวพักผ่อนไปด้วยทำงานไปด้วย (Workation) และมีการอาศัยในประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นระยะเวลายาวนานกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป (Longer Term Stay)

หากประเทศของเรามีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี (Technology Infrastructure) ร่วมกับภาคส่วนต่างๆที่สามารถรองรับความต้องการ และสร้างความสะดวกแก่กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ได้ น่าจะช่วยฟื้นฟูและเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยหลังโควิดได้อีกทางหนึ่ง

แอปพลิเคชันต่างๆที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน สามารถนำมูลค่าที่ซ่อนอยู่ในแต่ละเลเยอร์ของธุรกิจ ให้มีมูลค่าขึ้นมาได้ รวมถึงเป็นการเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์ต่างๆได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น การแชร์คะแนนสะสมของแบรนด์ หรือผู้ให้บริการ หากนำคะแนนสะสมเหล่านั้น ขึ้นมาอยู่บนบล็อกเชน จะสามารถแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้โดยง่าย

ทำให้แบรนด์ต่างๆสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดี สำหรับลูกค้า หรือผู้ใช้บริการร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งจากคุณประโยชน์ที่กล่าวมานั้น หากเรามีการเปิดให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน หรือผู้ที่สนใจทั่วไปในวงกว้าง ก็จะได้ผู้มีความรู้ ความสามารถ เข้าเป็นแรงงานหรือผู้ประกอบการสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ 

เป็นทุนทางทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital)  ที่มีทักษะ และองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะเพิ่มรายได้และขีดความสามารถที่ทำให้ประเทศ สามารถหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางในที่สุด

ดังนั้น ทางบิทคับ และเดอะมอลล์กรุ๊ป จึงมุ่งมั่นตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้แห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน ซึ่ง “บิทคับ เอ็ม โซเชียล” (Bitkub M Social) นอกจากจะเป็นที่พบปะ ของบรรดานักลงทุนและคนรักในสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ยังเป็นแหล่งอบรม ให้ความรู้ สามารถจัดสัมมนากลุ่มขนาดเล็กได้

รวมถึงยังเป็นแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพ ด้วยการจัดโปรแกรม แอคเซเลอเรเตอร์ (Accelerator) อินคิวเบเตอร์ (Incubator) จากทาง บิทคับ อะคาเดมี (Bitkub Academy) และ บิทคับ เวนเจอร์ส (Bitkub Ventures) อีกด้วย ทั้งหมดนี้ จะเป็นสร้างอีโคซีสเต็มทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงและยั่งยืน”

นางสาววรลักษณ์  ตุลาภรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เสริมว่า BITKUB M SOCIAL จะเป็นดิจิทัล คอมมูนิตี้ ของผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Community) แห่งแรกของประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ณ บริเวณชั้น 8-9 โซนฮีลิกซ์ ควอเทียร์ อาคาร A  ดิ เอ็มควอเทียร์ 

โดย BITKUB M SOCIAL ประกอบไปด้วยศูนย์การเรียนรู้ อบรม สัมมนา ห้องประชุม เอ็นเอฟทีแกลอรี่ (NFT Gallery) ร้านค้า คาเฟ่ และบาร์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตอบโจทย์นักลงทุนและผู้ที่สนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล  

เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ พบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้สำหรับคนรุ่นใหม่  ทั้งในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล, เศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์ เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิก  BITKUB  M SOCIAL  MEMBERSHIP  โดยสมาชิกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
  • BITKUB M SOCIAL LUNAR ค่าสมาชิก 12,000 บาท ต่อปี
  • BITKUB M SOCIAL ZIRCON ค่าสมาชิก 20,000 บาท ต่อปี
  • BITKUB M SOCIAL EMERALD ค่าสมาชิก 50,000 บาท ต่อปี (เฉพาะการเรียนเชิญเท่านั้น)

โดยสมาชิกคนสำคัญ จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายก่อนใคร อาทิ  รับเทรดดิ้งเครดิตสูงสุด 20,000 บาท, เข้าร่วมคอร์สสัมนาการลงทุน พิเศษเฉพาะสมาชิกบัตรเท่านั้น, สิทธิ์รับรางวัลพิเศษ เช่น Token หรือ NFT Airdrop เมื่อเข้าเงื่อนไขของร้านค้า, รับสิทธิ์การเข้าใช้ Bitkub M Social Lounge,

รับส่วนลดพิเศษมากมายที่ Blockchain Store และสิทธิประโยชน์อื่นๆ รับส่วนลดสูงสุด 10% สำหรับการซื้อสินค้าราคาปกติในห้างฯเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป และส่วนลด 5% ในกูร์เมต์ มาร์เก็ต

พร้อมทั้ง คูปองส่วนลด บริการพิเศษมากมาย รวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท/ท่าน จากห้างฯ และศูนย์การค้า ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ (ยกเว้น เดอะมอลล์ รามคำแหง และเดอะมอลล์ โคราช) 

ครั้งแรก ฉลองเทศกาลแห่งความสุข เปิดมิติใหม่แห่งการช้อปปิ้ง  สามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัล คริปโตฯ 7  เหรียญ ได้แก่ BITCOIN, TETHER, ETHEREUM, STELLAR, XRP, BITKUB COIN และ JFIN COIN แลกเป็นสินค้า หรือบัตรกำนัล ทั้งห้างและศูนย์ฯ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 28 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ พิเศษ สมาชิก M CARD ใช้สินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่า 100 บาท แลกรับ 800 M POINT

พิเศษ ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขรับปีใหม่นี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังได้ร่วมมือกับบิทคับ และพันธมิตรทางธุรกิจ ร้านค้า และคู่ค้ากว่า 1,000 ราย  ส่งมอบความสุขให้กับนักท่องเที่ยวและลูกค้าชาวไทย ด้วยกิจกรรม Happy Treasure Hunt Game ครั้งแรกของโลกกับ NFT : GIFT OF THE FUTURE แจก 222,222 รางวัล จาก 663 รอบการเล่น มูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท

กิจกรรมพิเศษที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้พบกับ Digital Game AR/QR และ Crypto Characters สุดน่ารัก ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จนถึง 3 มกราคม 2565 ที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ, บางแค, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ, งามวงศ์วาน,เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์