fbpx
News update

เด็กไม่ควรแบกกระเป๋านักเรียนเกิน 10-20 % ของน้ำหนักตัว

onlinenewstime.com : แพทย์ชี้การสะพายกระเป๋านักเรียนหนัก อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อโครงสร้างร่างกาย และส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากข่าวเกี่ยวกับเด็กมีอาการกระดูกสันหลังคด ที่เกิดจากการสะพายกระเป๋านักเรียนหนัก โดยข้อมูลพบว่าเด็กไทยวัยประถม แบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักเกินกว่าร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวเด็ก

ซึ่งโดยปกติ เด็กควรสะพายกระเป๋านักเรียน น้ำหนักไม่เกิน 10 – 20% ของน้ำหนักตัวเด็ก เช่น หากมีเด็กน้ำหนัก 30 กก. น้ำหนักกระเป๋า ที่เด็กสามารถถือได้ ต้องไม่เกิน 3 กก. เท่านั้น

ปัจจุบันพบว่ากระเป๋านักเรียน 1 ใบ มีน้ำหนักสูงถึง 4 – 6 กก. การที่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ ทั้งหนักและนาน อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อโครงสร้างร่างกาย และส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก

เด็กในวัยอนุบาลหรือประถมต้น ยังมีการทรงตัวที่ไม่ดีนัก เนื่องจากอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต และพัฒนาการการทรงตัว อีกทั้งกำลังแขนขา ยังไม่แข็งแรง การแบกกระเป๋าใบใหญ่ และน้ำหนักมาก อาจทำให้เด็กล้มง่าย เดินลำบากมากขึ้น เกิดการบาดเจ็บ ทั้งจากการล้ม และกล้ามเนื้อที่ใช้ในการแบกกระเป๋า

ทั้งนี้ กระเป๋านักเรียนที่ใช้ อาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ แบกกระเป๋าโดยใช้มือถือ และแบกกระเป๋าโดยแขวนหลัง (back pack) ซึ่งแบบมือถือ ไม่เหมาะกับการแบกเป็นเวลานาน อาจเกิดการบาดเจ็บ และเสียสมดุลร่างกาย ได้มากกว่าแบบแขวนหลัง

แต่อย่างไรก็ตาม การแบกกระเป๋าที่หนัก เป็นเวลานาน จะเพิ่มโอกาสในการบาดเจ็บ ต่อโครงสร้างร่างกาย โดยเฉพาะแขนไหล่และสะบัก

นายแพทย์สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคกระดูกสันหลังคด เป็นการคดงอ หรือบิดเบี้ยวของกระดูกสันหลัง ไปด้านข้างทำให้เสียสมดุล โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. กลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุพบบ่อยถึง 80% ในเด็ก ซึ่งแบ่งตามอายุที่เริ่มเป็น คือ 0-3 ปี 4-10 ปี และ 11-18 ปี พบบ่อยในเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย
  2. กลุ่มที่ทราบสาเหตุ เกิดจากโรคทางพันธุกรรม เช่น ท้าวแสนปม ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เช่น เด็กสมองพิการ โปลิโอ กลุ่มสาเหตุนี้ จะทำให้กระดูกสันหลังคดมาก

ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการ โรคกระดูกสันหลังคดได้ โดยสังเกตจากลำตัวของเด็ก จะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เมื่อเด็กยืนหันหลัง จะสังเกตเห็นความสูงของระดับหัวไหล่ ความนูนของกระดูกสะบัก ระดับแนวกระดูกสะโพก ที่ไม่เท่ากัน รวมถึงหน้าอก ซี่โครงด้านใดด้านหนึ่ง ยื่นออกมาด้านหน้า

หรือให้เด็กยืนเท้าชิดกัน และให้ ก้มตัวมาทางด้านหน้าใช้มือ 2 ข้างพยายามแตะพื้น จะเห็นความนูนของหลังไม่เท่ากัน

หากกระเป๋ามีน้ำหนักเกิน หรือต้องแบกเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนจากกระเป๋าแขวนหลัง เป็นกระเป๋าลาก เพื่อป้องกันการปวดหลัง จึงขอแนะนำให้ผู้ปกครอง ควรสังเกตอาการของเด็ก โดยเฉพาะช่วงอายุ 10-13 ปี หากกระดูกสันหลังผิดรูป ไหล่สูงต่ำไม่เท่ากันควรพาเด็กมาพบแพทย์ เพื่อตรวจยืนยันและให้การรักษาต่อไป

Cr. กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข