fbpx
News update

ยอดขายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ปี62 ย้ำความเป็นเบอร์1 เซกเมนต์ลักชัวรี พร้อมเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้า

Onlinenewstime.com : บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยผลประกอบการประจำปี 2562 ย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1  ในตลาดรถหรูเมืองไทย 19 ปีติดต่อกัน พร้อมยอดขายมากกว่า 15,000 คัน อันเป็นผลมาจากเครือข่ายผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการที่แข็งแกร่ง

ในส่วนของทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้เน้นการรุกตลาดรถยนต์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยเปิดตัว “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic” รถยนต์ เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุด และ “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic” รถยนต์เอสยูวีครอสโอเวอร์ นำทัพรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่จะตามมาอย่างต่อเนื่องตลอดปี พร้อมเตรียมเปิดตัว “Mercedes-Benz EQC” รถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ลุยตลาดไทยภายในปีนี้  

นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก เพราะเราสามารถทำยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 9 โดยเราส่งมอบรถยนต์ทั้งหมด 2,339,562 คัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ สำหรับยอดขายใน 1 ปี

แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในตลาดโลก จะอยู่ในช่วงชะลอตัวและส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ทว่าเรายังคงเล็งเห็นความต้องการของผู้บริโภค ที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เอสยูวีระดับลักชัวรี

นั่นจึงเป็นที่มาให้เราเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์เอสยูวีออกมา เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าทั้งในตลาดโลกและในตลาดไทยต่อเนื่องในปี 2563 นี้

ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเซกเมนต์ลักชัวรีในหลายประเทศ รวมทั้ง เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม สวิสเซอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ประเทศไทย เวียดนาม สิงคโปร์ แคนาดา และ แอฟริกาใต้”ฃ

“ในประเทศไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงรักษาความเป็นแบรนด์รถยนต์ลักชัวรีอันดับ 1 ในประเทศไทยไว้ได้ อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 โดยในปี 2562 ที่ผ่าน ยังคงทำยอดขายได้มากกว่า 15,000 คัน อันเป็นผลมาจากเครือข่ายผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการที่แข็งแกร่งที่ร่วมกันส่งมอบ “Best Customer Experience” ให้กับลูกค้า

โดยเรายังไม่หยุดนิ่ง แต่จะขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เราเปิด บริษัท เจริญมอเตอร์เชียงราย จำกัด โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่ในเชียงรายเพิ่มอีก 1 แห่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเมื่อวานนี้เราเพิ่งเปิด โชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ล่าสุด บริษัท แอทต้า ออโต้ เฮาส์ จำกัด ในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการถึง 36 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นผู้จำหน่ายในกรุงเทพฯ 19 แห่ง และผู้จัดจำหน่ายในต่างจังหวัดรวม 17 แห่ง”

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปีนี้ จากเทรนด์ความต้องการรถยนต์ของผู้บริโภค ทั้งในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกและในประเทศไทย เราพบว่าความต้องการในรถยนต์ไฟฟ้านั้น เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งเหตุผลหนึ่ง มาจากสภาวะอากาศที่แย่ลงโดยเฉพาะการมีฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการคมนาคม ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการในรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ

เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ Plug-in Hybrid ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เองที่ทำได้มากกว่า 16,000 คันนับตั้งแต่เราเปิดตัวรถยนต์ Plug-in Hybrid รุ่นแรกในปี 2559 โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย เป็นผู้นำตลาดอันดับต้น ๆ ของโลกที่มีสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์ Plug-in Hybrid สูงประมาณ 25% ของยอดจำหน่ายทั้งหมดในประเทศไทย

เราจึงเล็งเห็นว่า การรณรงค์ให้ทุกคนหันมาใช้รถยนต์ ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นน่าจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง ปัจจุบันในประเทศไทยมีรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQ Power อยู่มากกว่า 16,000 คัน ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หากขับขี่ในโหมดไฟฟ้า เพียงผู้ใช้ชาร์จไฟและขับขี่ในโหมดนี้ทุกวัน ก็จะช่วยลดปริมาณ PM 2.5 ลงอย่างมีนัยสำคัญ

เปิดตัวรุ่นใหม่

ขณะเดียวกันยังพร้อมเปิดตัวรถยนต์ “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic” และ “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic” รถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางรุ่นใหม่ อย่างเป็นทางการ พร้อมเตรียมส่งรถยนต์รถยนต์เอสยูวี อีกหลายรุ่น อาทิ “Mercedes-Benz GLB” รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวี ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รวมถึงรถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่าง “Mercedes-Benz EQC” ที่จะนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์เพื่อลุยตลาดไทยภายในปีนี้ นี่คือทิศทางการทำธุรกิจ ที่เราจะมุ่งหน้าไปอย่างเต็มกำลังในปี 2563 นี้” นายโรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic คือรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางที่ มาพร้อมรูปลักษณ์อันแข็งแกร่ง และมอบความรู้สึกสุนทรีย์ในเวลาเดียวกัน ภายใต้การยกระดับใหม่ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีภายใน และดีไซน์แบบเอสยูวีที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว และเติมเต็มทุกอารมณ์ของการขับขี่

ด้วยสมรรถนะของเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่จะพาคุณก้าวสู่โลกสีเขียวแห่งอนาคต ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 211 แรงม้า และจากมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า รวมเป็นกำลังสูงสุด 320 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ แบบ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น และยังช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้มากถึง 6.5%

พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง “Hey Mercedes” ซึ่งสามารถประมวลผลประโยคที่ใกล้เคียงกับคำสั่งทั่วไปได้ ทั้งจดจำ และเรียนรู้การสั่งงานของคุณ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับรถได้อย่างไร้ที่ติ ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (DYNAMIC SELECT) ที่เปลี่ยนจากการปรับโหมดขับขี่ผ่านพวงมาลัย มาเป็นการปรับโหมดการขับขี่ผ่านหน้าจอแสดงผล ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ในแบบฉบับที่โปรดปราน ไม่ว่าจะเป็นโหมด ECO, Comfort, Sport, Sport+, Individual โดยระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ในส่วนต่างๆ อาทิ ระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยวหรือโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ เป็นต้น

รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 3,749,000 บาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic เป็นรถยนต์เอสยูวีครอสโอเวอร์ ที่เป็นมากกว่า เอสยูวีและรถยนต์คูเป้ ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตกว่า ผสมผสานดีไซน์แบบฉบับรถยนต์คูเป้และความเป็นรถยนต์เอสยูวี และด้วยสมรรถนะของเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่จะพาก้าวสู่โลกสีเขียวแห่งอนาคต โดยผสานการทำงาน ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 211 แรงม้า และจากมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า รวมเป็นกำลังสูงสุด 320 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น และยังช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้มากถึง 6.5%

พร้อมหน้าจอแสดงผลดิจิทัลเต็มรูปแบบ ที่มีการแสดงผลแบบ “Classic”, “Progressive” และ “Sporty” ทำให้ตัดสินใจเลือกข้อมูลสำคัญ และประเภทการแสดงผลข้อมูลได้ ผ่านจอแสดงผล ขนาด 31.2 ซม. ถ่ายทอดภาพที่คมชัด และเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง

พร้อมตอบสนองทุกการเคลื่อนไหว ด้วยระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience ที่ทำงานร่วมกันกับแผงคอนโทรล และหน้าจอดิจิทัล แสดงระบบการนำทางได้แบบเต็มหน้าจอ และพร้อมอำนวยความสะดวกสบายได้อย่างสูงสุด รวมไปถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmerster ที่เปลี่ยนเพลงโปรดให้กลายเป็นประสบการณ์ความบันเทิงระดับโลก

รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 4,090,000 บาท