fbpx
News update

เมื่อเบตาดีน เปิดศึกตลาดครีมอาบน้ำเพื่อสุขภาพผิวชิงเค้กตลาดรวม 1.3 พันล้าน

ตลาดครีมอาบน้ำในเมืองไทย ร้อนระอุ เมื่อเบตาดีน ซึ่งปัจจุบัน เป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลบาดแผล ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในเมืองไทยที่ 42% สยายปีกธุรกิจเข้าแบ่งเค้กในตลาดกลุ่มครีมอาบน้ำเพื่อสุขภาพผิว ในปัจจุบันที่มีมูลค่า 5,800 ล้านบาท

อูโก้ อเลซานโดร ซาฟเวดรา ผู้จัดการทั่วไป มุนดิฟาร์มา (ประเทศไทย)เผยถึง การออกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อสุขอนามัย สำหรับทุกคนในครอบครัว  ซึ่งในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เป็นการออกสู่กลุ่มตลาดใหม่ทั้งในรูปแบบครีมอาบน้ำ โฟมล้างมือ และเจลล้างมืออนามัย  และยังได้เลือกวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลก

ด้านกลยุทธ์การตลาด ของการออกผลิตภัณฑ์เน้นการชูจุดขายไร้ 4 สารตกค้าง ได้แก่ SLS(Sodium Lauryl Sulfate) MIT(Methylisothiazolinone)  Parabensและ Triclosanพร้อมสารสกัดจากธรรมชาติช่วยลดการสะสมแบคทีเรียได้สูงถึง 99.99%มีให้เลือกถึง4 สูตรได้แก่ มอยซ์เจอไรซิง มานูกา ฮันนี่, ไบรท์เทนนิ่ง พอมิกราเนต, คลูลิ่ง ยูคาลิปตัส และ เพียวริฟายอิง ทีทรี

อีกทั้งกลยุทธ์ด้านขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ ใน Modern Trade

ส่วนกลยุทธ์สื่อสารการตลาด ผ่านการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี และครอบครัว ที่มีไลฟ์สไตล์เหมาะกับผลิตภัณฑ์ และ ยังเป็นขวัญใจของกลุ่มเป้าหมายผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะ

“ประเทศไทยมีการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำที่น่าสนใจ และมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ไม่มากนัก การออกผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะสร้างความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภค มอบคุณค่าที่โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นอย่างชัดเจน โดยเชื่อมั่นว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์เบตาดีน เนเชอรัล ดีเฟนส์ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกครัวเรือน ในฐานะผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล ทำความสะอาดผิวกาย ที่ส่งเสริมให้ทุกครอบครัวปลอดภัยจากความสกปรกและเชื้อโรค ทั้งภายในบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบตัว เรา”

นอกจากนั้น ในครึ่งปีหลังของ 2560 จะมีการใช้งบประมาณการตลาดอยู่ที่ประมาณ 100ล้านบาท โดยเน้นทำการตลาดในกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายหลัก คือกลุ่มคุณแม่ ที่ต้องใส่ใจดูแลสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัว เป็นผู้กุมอำนาจการจับจ่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ภายในบ้าน

นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายใต้แบรนด์เบตาดีน ที่ต่อความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ดูแลบาดแผล สู่เป้าหมายใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อสุขอนามัย  เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ของการต่อยอดแบรนด์เบตาดีน ออกไปอย่าง น่าจับตามอง และน่าติดตามต่อไปในอนาคต

โดยเฉพาะการเติบโตของตลาดกลุ่มครีมอาบน้ำ ในเซกเมนต์เพื่อสุขภาพผิวมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 23% หรือคิดเป็น 1,300ล้านบาท ขณะเดียวที่ตลาดรวมของผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำนั้น มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนราว 5%  แบ่งเป็น เซกเมนต์กลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำเพื่อสุขภาพผิวเติบโตที่ 8%  ซึ่งมีผู้เล่นในตลาดไม่กี่แบรนด์

ดังนั้นขนาดของตลาด การเติบโต และจำนวนผู้เล่นในตลาด นับว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ เบตาดีน มองเห็นว่าเป็นโอกาสของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลงในกลุ่มนี้โดยมีการตั้งเป้าการตลาดไว้ที่ส่วนแบ่ง 10% ในตลาดครีมอาบน้ำเพื่อสุขอนามัย ภายในสิ้นปี 2560 นี้