
Onlinenewstime.com : บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จับมือ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมยกระดับ และขับเคลื่อนไปสู่องค์กรนวัตกรรม พร้อมเตรียมจัดทำ Roadmap พัฒนาศักยภาพบุคลากรผ่านหลักสูตรการอบรมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมสื่อ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเน้นการใช้องค์ความรู้ที่หลากหลาย สร้างสรรค์วิธีการและช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เพื่อเตรียมรับมือสู่โลกธุรกิจดิจิทัลและส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในเครือของ อสมท
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเร่งเตรียมความพร้อมด้านการพัฒนาศักยภาพ “คน” ให้ก้าวทัน โดยรัฐบาลได้กำหนด “ประเทศไทย 4.0” เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่มุ่งเน้นปรับเปลี่ยนทิศทางการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ซึ่ง บมจ.อสมท ได้นำนโยบายรัฐบาล มาเป็นแนวทางในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์องค์กร ที่มุ่งสร้างความตระหนักด้านนวัตกรรมให้กับบุคลากรในองค์กร และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2561 ได้ริเริ่มโครงการ U ME IDEA เพื่อส่งเสริมการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัล รวมทั้งให้การสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดผลงานนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์กับนวัตกรไทย เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาและผู้ประกอบการทั่วไป ร่วมส่งผลงานนวัตกรรมสื่อ (Media Innovation) เข้าประกวด และได้ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญของ NIA ร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำแนะนำ

รวมทั้งร่วมเป็นกรรมการตัดสินรางวัล สำหรับการดำเนินโครงการ U ME IDEA AWARDS 2020 ในปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิดนวัตกรรมเพื่อสังคม “Social Innovation” สำหรับความร่วมมือระหว่าง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และ อสมท ภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับและขับเคลื่อน อสมท ไปสู่องค์กรนวัตกรรม ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันอุตสาหกรรมสื่อได้รับผลกระทบจาก Digital Disruption เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ ดังนั้น การพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมสื่อจึงเปรียบเสมือนทางรอดที่จะนำพาให้ธุรกิจยังสามารถก้าวต่อไปได้

สำหรับความร่วมมือระหว่าง NIA และอสมท ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะร่วมกันพัฒนาองค์กรสื่อ ให้เห็นความสำคัญและนำนวัตกรรมเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินงานมากขึ้น
โดยมุ่งสร้างเครื่องมือในการประเมินและผลักดันองค์กรให้มีการพัฒนาการบริหารจัดการศักยภาพด้านนวัตกรรมขององค์กร การพัฒนาศักยภาพบุคลากร ให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาหลักสูตรด้านนวัตกรรมสื่อระหว่าง MCOT ACADEMY ของ อสมท และ สถาบันวิทยาการนวัตกรรม (NIA ACADEMY) ของ NIA เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจสื่อ บุคลากร และบุคคลทั่วไปที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กรและการพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดสื่อ
ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันธุรกิจสื่อส่วนใหญ่ยังแข่งขันกันที่ความรวดเร็ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาร่วมด้วย เช่น เนื้อหา ความน่าเชื่อถือ จริยธรรม ฯลฯ แต่สิ่งที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ การแข่งขันกันด้วยการสร้างสรรค์ “นวัตกรรมสื่อ” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเน้นการใช้องค์ความรู้ที่หลากหลาย สร้างสรรค์วิธีการและช่องทางใหม่ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

รวมทั้งต้องเปิดโอกาสให้เกิดความมีส่วนร่วมระหว่างสื่อและผู้บริโภค เพื่อสร้างความใกล้ชิดและเข้าถึงกันได้มากยิ่งขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมในการรับชม การใช้ AI ในกระบวนการทำข่าว การรวบรวม การสรุปผล และเผยแพร่แบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีการถ่ายทอดสดที่มีมากกว่าหนึ่งช่องทาง รวมทั้งการใช้ฐานข้อมูล หรือ Big Data เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการแข่งขันของสื่อทำให้เกิดผู้เล่นหลากหลาย โดยเฉพาะที่รู้จักกันกลุ่มผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ หรือ ยูทูบเบอร์ ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และกำลังจะมีบทบาทมากขึ้น
ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้ผู้บริโภคได้เห็นเนื้อหาที่มีความหลากหลาย คนทั่วไปสามารถผันตัวเป็นสื่อและสร้างรายได้ เกิดการแข่งขันอย่างอิสระระหว่างผู้เล่น รวมทั้งสื่อขนาดใหญ่ที่ต้องปรับตัวสร้างสรรค์เนื้อหา ให้ตรงใจกับผู้รับชมและแข่งขันกันในการดึงเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาสู่รูปแบบการนำเสนอเนื้อหา มากกว่ารูปแบบโฆษณาที่เคยเห็นบนหน้าจอทีวี สิ่งพิมพ์ ทำให้วงการสื่อของไทยเริ่มมีสีสันมากขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง