Site icon Onlinenewstime.com – News and Knowledge to sustainability

เอ็นไอเอ เปิดตัวพันธมิตรใหม่ร่วมเดินหน้า สเปซ-เอฟซีซั่น 2 ปั้นกรุงเทพสู่ “แบงค์คอกฟู้ดเทคซิลิคอนวัลเลย์”

NIA SpaceF 1

Onlinenewstime.com : สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวพันธมิตรใหม่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจจำกัด (มหาชน) ในการร่วมสนับสนุนโครงการสเปซ-เอฟ รุ่นที่ 2 ซึ่งถือเป็นโครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ขับเคลื่อนโดยหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนชั้นนำของประเทศ เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพในการสร้างนวัตกรรมอาหารที่ผสานเทคโนโลยีขั้นสูงในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ห่วงโซ่อุปทานอาหารของโลกที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีความปลอดภัยในยุคโควิด-19 นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก บริษัท เบทาโกร จำกัด และบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด เสริมทัพสนับสนุน และพร้อมเดินหน้ายกระดับกรุงเทพฯ จาก “ฟู้ดพาราไดส์” ให้กลายเป็น “แบงค์คอกฟู้ดเทคซิลิคอนวัลเลย์”

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า นวัตกรรมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสทองของการพัฒนานวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การดำเนินวิถีชีวิตรูปแบบใหม่

ซึ่งจากจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมอาหารของไทย ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “ครัวของโลก” ทำให้ NIA เห็นโอกาสสร้างการเติบโตให้กับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร ให้มีศักยภาพทัดเทียมต่างประเทศ โดยอาศัยกลไกการสนับสนุนที่จำเพาะ เป็นรูปธรรม และมีการเชื่อมโยงความร่วมมือกับผู้เล่นที่สำคัญในระบบนิเวศ

เพื่อให้สตาร์ทอัพเข้าถึงปัจจัยที่จำเป็น ได้แก่ แหล่งเงินทุน ตลาด ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และบุคลากรที่มีศักยภาพ

จึงได้ร่วมกับพันธมิตร ริเริมโครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย หรือ “สเปซ-เอฟ” ขึ้น

โดยปีนี้จัดเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้ นอกจากจะมีพันธมิตรเดิมที่เข้มแข็งอย่างบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยมหิดลแล้ว ยังได้ 3 พันธมิตรใหม่เพิ่มเติม ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยบริษัท เบทาโกร จำกัด และบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด เพื่อร่วมเป็นกำลังสำคัญ ในการสร้างให้เกิดการยอมรับในระดับสากล ในด้านการพัฒนาและการลงทุนด้านนวัตกรรมอาหาร

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่ 2 ของโครงการสเปซ-เอฟ ที่ไทยยูเนี่ยนได้ก่อตั้งขึ้นร่วมกับภาครัฐ นับเป็นปีที่อุตสาหกรรมอาหาร ต้องเผชิญความท้าทายหลายประการ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ทั่วโลกต้องปรับตัวเข้ากับ new normal 

รวมถึงการผลิตอาหารด้วยความยั่งยืน และนำนวัตกรรมมาเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของประชากรโลกที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

นวัตกรรมและกระบวนการใหม่ ๆ รวมถึงความปลอดภัยในการผลิตอาหาร จะมีความสำคัญยิ่งขึ้น นับเป็นเวลาที่ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ และสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต้องร่วมมือกัน ไทยยูเนี่ยนมีความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสเปซ-เอฟ และขอต้อนรับภาคเอกชน ที่ปีนี้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศไทย ให้เป็นฟู้ดเทคซิลิคอนแวลเลย์ ตลอดจนพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารให้ยั่งยืนต่อไป”

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการสเปซ-เอฟ เป็นโครงการที่เป็นศูนย์รวมให้องค์กรต่าง ๆ ได้เข้ามาแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และการสนับสนุนด้านการเงิน

ไทยเบฟมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสเปซ-เอฟ เพื่อผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ไทยเบฟได้ดำเนินธุรกิจ โดยนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการขององค์การสหประชาชาติ มาปรับใช้เป็นแนวทางกำหนดเป้าหมาย ในการดำเนินธุรกิจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่ 3: การมีสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี และเป้าหมายที่ 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การเข้าร่วมโครงการสเปซ-เอฟ ในครั้งนี้ จึงเป็นการเปิดโอกาสที่ดีให้ไทยเบฟ ได้ทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ที่จะทำให้ไทยเบฟบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่รัฐบาลโดยกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีแผนชัดเจนที่เป็นรูปธรรม ในการส่งเสริมนวัตกรรมผ่านสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)

ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรม ทั้งไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป และไทยเบฟ นับเป็นองค์กรธุรกิจ ที่ได้รับการยอมรับในระดับแนวหน้า พร้อมทั้งการสนับสนุนด้านวิชาการและผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ผนึกกำลังร่วมผลักดันโครงการ SPACE-F ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ที่เน้นส่งเสริมสตาร์ทอัพ ด้านนวัตกรรมอาหารและการจัดการธุรกิจอาหาร

โครงการนี้จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายสูงสุดของประเทศ ในการก้าวขึ้นสู่การเป็นฟู้ดเทคซิลิคอนแวลเลย์ ด้านเทคโนโลยีอาหารแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีเครือข่ายระดับโลก และเป็นโครงการสำคัญ ที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จสู่ระดับนานาชาติได้

นอกจากช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ จากฐานรากด้านเกษตรและอาหารที่มั่นคงของประเทศไทยแล้ว โครงการ SPACE-F ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ในการนำองค์ความรู้เชิงวิชาการและงานวิจัยทีสั่งสมในองค์กรมาใช้ ทั้งยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับนักศึกษาและบุคลากรรุ่นใหม่ของประเทศได้เป็นอย่างดี

มหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะผู้ร่วมโครงการ จึงยินดีสนับสนุนทั้งด้านวิชาการและการวิจัย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ที่พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมในโครงการฯ เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ SPACE-F คือการประสานพลังของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับธุรกิจ ที่จะช่วยนำไปสู่ความสำเร็จ ของอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก”

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017-5555 เว็บไซต์  และ facebook.com/NIAThailand

Exit mobile version